นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า การประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 33 ที่สิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 13-15 พ.ย.61 ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้เข้าร่วมการประชุมผู้นำกลุ่มความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 14 พ.ย.61 โดยผู้นำได้ประกาศแถลงการณ์ร่วมแสดงความยินดีที่การเจรจาปี 61 มีความคืบหน้ามาก และได้เข้าสู่ช่วงสุดท้ายของการเจรจาแล้ว โดยผู้นำแสดงเจตนารมณ์แน่วแน่ ที่จะสรุปผลการเจรจาทั้งหมดในปี 62 ซึ่งไทยจะเป็นประธานอาเซียน
ทั้งนี้ ในปี 61 สมาชิกอาร์เซ็ป 16 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน 10 ประเทศ และคู่เจรจา 6 ประเทศ คือ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ สามารถเจรจาเสร็จสิ้นแล้ว 7 เรื่อง ได้แก่ พิธีการศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า, การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ, มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช, มาตรฐานกฎระเบียบทางเทคนิค, ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ, วิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อม และสถาบัน ซึ่งเกี่ยวกับการกำหนดความถี่ของการประชุมระดับรัฐมนตรีอาร์เซ็ป รวมถึงการจัดตั้งคณะกรรมการร่วม คณะกรรมการย่อยชุดต่างๆ การกำกับดูแลและติดตามผลการปฏิบัติตามความตกลงหลังความตกลงมีผลบังคับใช้
สำหรับเรื่องอื่นๆ เช่น การเปิดตลาดค้าสินค้า การค้าบริการ การลงทุน นโยบายแข่งขัน ทรัพย์สินทางปัญญา กฎถิ่นกำเนิดสินค้า เป็นต้น ที่ยังเจรจาไม่แล้วเสร็จในปีนี้ สมาชิกจะร่วมกันผลักดันให้การเจรจาบรรลุผลสำเร็จในปี 62 โดยจะถือโอกาสที่ไทยเป็นประธานอาเซียน เร่งขับเคลื่อนการเจรจาอย่างเต็มที่ เพื่อให้บรรลุข้อตกลงได้ทั้งหมด และลงนามให้ความตกลงมีผลบังคับใช้ หากบังคับใช้เร็วสมาชิกจะได้รับประโยชน์จากความตกลงได้เต็มที่ โดยเฉพาะในปัจจุบันที่เกิดสงครามการค้าและภาวะการค้าโลกผันผวน “ยังคงยึดรูปแบบการเปิดตลาดสินค้า คือ ลดภาษีนำเข้าเป็น 0% ในสินค้า 90-92% ของสินค้าที่ค้าขายระหว่างกัน ส่วนสินค้าอ่อนไหวและอ่อนไหวสูงให้ทยอยลดภาษีภายใน 20 ปี และยอมให้แต่ละประเทศมีสินค้าที่ไม่นำมาลดภาษีได้ในสัดส่วน 1%”.