นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ กรมจะประกาศรายชื่อนิติบุคคล 3 ราย ที่จะผ่านหลักเกณฑ์คัดเลือกเข้าร่วมโครงการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ให้นักท่องเที่ยว (Vat Refund For Tourist) ณ จุดซื้อสินค้า โดยจะเป็นการคืนแวตด้วยเงินสด ณ จุดขายทันที และสินค้าที่ได้รับคืนแวต จะต้องปิดผนึก หรืออยู่ในหีบห่อ ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถนำเงินจากการคืนภาษีไปช็อปปิ้งต่อได้อีก ซึ่งจะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ และจะเริ่มนำร่องตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.61-มี.ค.62 รวมเวลา 6 เดือน โดยบริษัทที่รับการอนุมัติจากกรมจะอยู่ในสนามทดลองนำร่อง (Sand Box) เพื่อประเมินผล 2 เรื่องคือ 1.นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมใช้ Vat Refund For Tourist หรือไม่ และเกิดเงินหมุนเวียนในประเทศเท่าไร และ 2.ระบบที่วางไว้มีช่องโหว่ ทำให้มีการโกงภาษีหรือไม่
“ปัจจุบัน กรมคืนแวตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่สนามบินอยู่แล้ว เช่น ดอนเมือง สุวรรณภูมิ แต่มีข้อเรียกร้องจากเจ้าของห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ ต้องการให้กระทรวงการคลังสนับสนุนเรื่องการท่องเที่ยว โดยขอให้ไทยเป็นสวรรค์ของนักช็อปปิ้ง นอกจากนี้ ยังพบว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติต่อแถวยาวเหยียดเพื่อขอคืนภาษีในสนามบินทำให้เสียเวลามาก อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ผ่านมา มียอดนักท่องเที่ยวขอคืนแวต 2 ล้านรายต่อปี คิดเป็นเงิน 2,000-3,000 ล้านบาท ซึ่งกรมก็ไม่ขัดข้อง แต่ขออย่าให้มีการโกงภาษีก็แล้วกัน”
สำหรับจุดคืนแวตนั้น บริษัทที่เข้าร่วมสามารถตั้งจุดคืนแวตได้บริษัทละ 3 จุด ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในเบื้องต้นจะกำหนดสินค้าทั้งหมด 10 ชนิด ที่จะสามารถนำมาขอคืนแวต เช่น นาฬิกา กระเป๋า แว่นตา เป็นต้น นอกจากนี้ยังกำหนดราคาสินค้าที่จะรับคืนแวต เช่น ราคา 2,000 บาทขึ้นไป หรือ 5,000 บาทขึ้นไป โดยบริษัทที่สมัครเข้าร่วมโครงการต้องมีทุนจดทะเบียนไม่น้อยกว่า 25 ล้านบาท.