ช่วงสิ้นเดือน เงินเดือนออก หวยก็จะออก หนี้ก็ต้องโอน สารพัดธุรกรรมการเงินที่ต้องจับจ่ายผ่านโมบายแบงกิ้ง แต่แอปฯ เจ้ากรรมใช้การไม่ได้ หลายคนหัวร้อนจนต้องเสาะหาที่มาที่ไป ไฉนโอนไม่ได้ช่วงนี้พอดี? ทีมข่าวเจาะประเด็น ไขคำตอบมาให้ ได้รับคำตอบว่า...
เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 31 ส.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารกสิกรไทยได้แจ้งผ่าน KBank Live ระบุว่า ระบบของธนาคารบางส่วนขัดข้อง อาจส่งผลให้ลูกค้าไม่ได้รับความสะดวกในการทำธุรกรรมบางรายการ โดยเฉพาะรายการต่างธนาคาร
ต่อมาเวลา 13.00 น. วันเดียวกัน ธนาคารกสิกรไทยแจ้งว่า ระบบโมบายแบงกิ้งและเอทีเอ็ม ของธนาคารกสิกรไทย สามารถกลับมาให้บริการได้ตามปกติ
ทั้งนี้ ระบบโมบายแบงกิ้งและเอทีเอ็มของธนาคารกสิกรไทยที่ขัดข้องในครั้งนี้ ส่งผลให้ลูกค้าที่ใช้บริการโมบายแบงกิ้งของธนาคารพาณิชย์อื่นๆ ไม่สามารถโอนเงินมายังบัญชีของธนาคารกสิกรไทยได้ จนส่งผลกระทบในวงกว้างเนื่องจากธนาคารกสิกรไทย มีฐานลูกค้าโมบายแบงกิ้งอันดับ 1 มีส่วนแบ่งการตลาดกว่า 20%
ขณะเดียวกัน สมาคมธนาคารไทย ต้องรีบออกหนังสือชี้แจงว่า ปัญหาเหตุขัดข้องชั่วคราวที่เกิดกับบางธนาคาร เกิดจากปริมาณธุรกรรมเกิดขึ้นจำนวนมากในช่วงเช้าและได้ส่งผลกระทบให้ลูกค้าไม่สามารถใช้ช่องทางการทำธุรกรรมในบางช่องทาง ทำให้มีลูกค้าบางท่านที่โอนเงินและมีการตัดบัญชีไปแล้ว แต่ปลายทางได้รับเงินช้ากว่าปกติหรือยังไม่ได้รับเงิน
สมาคมธนาคารไทย ขอเรียนว่า เหตุการณ์นี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ ธนาคารส่วนใหญ่ทยอยแก้ไขเหตุขัดข้องดังกล่าว จนใช้งานได้ตามปกติแล้ว ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวและปลายทางไม่ได้รับเงิน ธนาคารจะรีบดำเนินการปรับปรุงบัญชีให้กับลูกค้าภายในวันที่ 1 ก.ย.
ขณะที่ นายรณดล นุ่มนนท์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 31 ส.ค. มีเหตุการณ์ธนาคารขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่มีปริมาณธุรกรรมข้ามธนาคารจำนวนมากเกิดปัญหาระบบขัดข้อง ทำให้เกิดรายการค้างรอจำนวนมาก มีผลกระทบไปสู่ธนาคารหลายแห่งให้เกิดการสะดุดหรือล่าช้าในการทำธุรกรรม โดยเฉพาะบริการ mobile banking
นายสมคิด จิรานันตรัตน์ ประธานกสิกร บิซิเนสเทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) เปิดเผยว่า ระบบโมบายแบงกิ้ง และเอทีเอ็มของธนาคารกสิกรไทยที่ขัดข้อง เกิดจากระบบเชื่อมต่อเครือข่าย (พอร์ต) บางส่วนมีปัญหาขัดข้อง ทำให้ต้องปิดระบบบางส่วนเพื่อแก้ไขและใช้เวลาไม่นาน แต่ในช่วงสิ้นเดือนมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการทำธุรกรรมการเงินมากกว่าปกติ 30% ทำให้เกิดการสะสมและรอคิวเป็นจำนวนมาก ทำให้ระบบเกิดความล่าช้า
ทั้งนี้ ธนาคารได้ขยายความสามารถการให้บริการช่วงสิ้นเดือนเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่าตัว พร้อมทั้งทำระบบให้สามารถทำงานทดแทนกันผ่านหลายช่องทาง หากช่องทางใดอุปกรณ์มีปัญหาหรือเกิดล่มขึ้นมา ก็ใช้ช่องทางอื่นทำงานแทน เพื่อไม่ให้กระทบต่อการบริการโมบายแบงกิ้งและเอทีเอ็ม
ด้านนายฐากร ปิยะพันธ์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารด้านกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ผู้บริหารสายงานดิจิทัลแบงกิ้งและนวัตกรรม ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 31 ส.ค. ระบบโมบายแบงกิ้งของกรุงศรีก็เกิดปัญหา ช่วงสิ้นเดือนมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการโอนเงินและชำระเงินเป็นจำนวนมากกว่าวันปกติ 1 เท่าตัว เมื่อการโอนเงินข้ามธนาคารไม่ได้ ลูกค้าพยายามทำรายการใหม่ ส่งผลให้ข้อมูลที่เข้ามายังระบบเกิดการต่อคิวเป็นจำนวนมาก จนระบบเกิดความล่าช้า ในที่สุดธนาคารต้องตัดสินใจปิดระบบการให้บริการโมบายแบงกิ้ง และพยายามแจ้งให้ลูกค้าไปทำธุรกรรมการเงินผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ตแบงกิ้ง เอทีเอ็ม และสาขา จนธนาคารเริ่มกลับมาเปิดให้บริการช่องทางโมบายแบงกิ้งอีกครั้งในเวลา 14.00 น. วันเดียวกัน.