นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) ซึ่งมี รมว.คมนาคม เป็นประธานว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบกรอบเพดานค่าโดยสารสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์) อัตราใหม่ สำหรับเที่ยวบินภายในประเทศ โดยกำหนดให้เก็บค่าโดยสารสูงสุดไม่เกิน 9.40 บาทต่อกิโลเมตร (กม.) ลดลงจาก 13 บาทต่อ กม. โดยคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในเดือน ก.ย.นี้ ซึ่งจะทำให้ผู้โดยสารที่ต้องซื้อบัตรโดยสารด่วนใกล้เวลาเดินทาง โดยเฉพาะช่วงเทศกาลต่างๆ จะได้รับประโยชน์ในการซื้อบัตรในราคาที่ถูกลงกว่าเดิม
ทั้งนี้ สายการบินที่เสนอเก็บค่าโดยสารเกินราคา 9.40 บาทต่อ กม. ก่อนหน้านี้ต้องมายื่นขอเปลี่ยนแปลงราคาที่ กพท. อย่างไรก็ตามกรณีนี้จะได้รับการยกเว้น หากมีบริการที่เหนือกว่าชั้นประหยัด เช่น ชั้นพรีเมียม ให้เก็บค่าโดยสารสูงสุดเพิ่มได้ไม่เกิน 30% ของ 9.40 บาทต่อ กม. ส่วนสายการบินที่ให้บริการเต็มรูปแบบ (ฟูลเซอร์วิส) ยังคงเก็บค่าโดยสารตามกรอบเพดานเดิมสูงสุดไม่เกิน 13 บาทต่อ กม. โดยจะเก็บค่าโดยสารราคานี้ได้ต้องมีบริการครบ 3 อย่าง ประกอบด้วย น้ำหนักกระเป๋าสัมภาระ 20 กิโลกรัม, อาหาร เครื่องดื่ม และกำหนดที่นั่งได้ ซึ่งบริการเหล่านี้ห้ามเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่ม ต้องรวมอยู่ในค่าโดยสารเลย
“ทุกสายการบินไม่ได้ขัดข้องอะไรกับกรอบเพดานค่าโดยสารอัตราใหม่ เพราะปัจจุบันสายการบินโลว์คอสต์ส่วนใหญ่จะคำนวณราคาจะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5 บาทต่อ กม. ส่วนการคิดราคาเต็มหรือใกล้เคียงกรอบเพดานนั้น มักจะเป็นการขายบัตรโดยสารที่ซื้อแบบกระชั้นชิดใกล้เวลาเดินทางเท่านั้น ซึ่งหลังจากที่มีการประกาศใช้กรอบเพดานค่าโดยสารใหม่ ก็จะทำให้ผู้โดยสารที่ไม่ได้จองล่วงหน้า ต้องซื้อบัตรโดยสารแบบใกล้เวลาเดินทางได้รับประโยชน์ โดยจะซื้อบัตรโดยสารในราคาที่ถูกลงกว่าเดิม”.