นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า จากการหารือกับผู้ประกอบการการท่องเที่ยวและภาครัฐหลายหน่วยงาน พบธุรกิจทัวร์จีนลดจำนวนลงมาก จาก 400 บริษัทเหลือเพียง 100 บริษัท ซึ่งเกิดจากพฤติกรรมการท่องเที่ยวเปลี่ยนไป นักท่องเที่ยวเริ่มเดินทางเอง เที่ยวเองมากขึ้น โดยพบว่า 78% ของนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเที่ยวไทยเป็นครั้งแรก ที่เหลือเป็นนักท่องเที่ยวมาซ้ำ และสัดส่วน 58% เดินทางมากับทัวร์ อีก 42% เดินทางมาเอง และแนวโน้มนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาเองมากขึ้นต่อเนื่อง
ทั้งนี้นักท่องเที่ยวจีนในเดือน ก.ค.หลังเกิดเหตุเรือล่มที่จังหวัดภูเก็ต ยังคงมียอดนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาเที่ยวไทยมากเป็นอันดับ 1 จำนวน 929,771 คน ลดลง 0.87% ถือว่าลดลงน้อยกว่าที่คาดไว้ สร้างรายได้ 51,380 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.47% ขณะที่ยอดรวม 7 เดือน นักท่องเที่ยวจีน 6.86 ล้านคน เพิ่มขึ้น 21.44% รายได้รวม 371,345 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.86%
“เชื่อว่าไตรมาส 4 สถานการณ์ท่องเที่ยวน่าจะดีขึ้น นักท่องเที่ยวน่าจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง เนื่องจากเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของไทย แต่ก็ต้องจับตาสถานการณ์เศรษฐกิจ ฝั่งยุโรป ค่าเงินตุรกี ที่ผันผวนล้วนมีผลต่อการตัดสินใจของนักท่องเที่ยว และยังต้องลุ้นว่าช่วง 1 ต.ค.วันชาติของจีน หรือโกลเด้นวีกนักท่องเที่ยวจีนน่าจะเดินทางท่องเที่ยวในไทยและคึกคักมากขึ้น แม้จะมีปัญหาหลายอย่างก็ตาม”
นายพงษ์ภาณุ กล่าวว่า สำหรับยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ช่วง 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค.61) รวม 22.65 ล้านคน เพิ่มขึ้น 11% สร้างรายได้รวม 1.18 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.44% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนมากที่สุด 10 อันดับแรก ประกอบด้วยจีน มาเลเซีย เกาหลี ลาว อินเดีย ญี่ปุ่น เวียดนาม ฮ่องกง สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร ตามลำดับ และนักท่องเที่ยวที่สร้างรายได้สูงสุด 10 อันดับแรก ประกอบด้วย จีน มาเลเซีย สหรัฐอเมริกา เกาหลี สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย อินเดีย ญี่ปุ่น ฮ่องกง และรัสเซีย ตามลำดับ
ด้านนางศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า ธุรกิจโรงแรมห้องพักไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์เรือล่มที่จังหวัดภูเก็ตมากนัก แต่ไม่น่าจะปรับราคาเพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากมีหลายปัจจัยกดดัน โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจและค่าเงินในต่างประเทศ ขณะที่สายการบินเริ่มมีการลดราคาตั๋วแล้ว.