“มะกัน” ไม่ไว้ใจ “สวมสิทธิ์” ชี้ปริมาณส่งออกไทยยังเพิ่ม
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการเดินทางเยือนกรุงวอชิงตัน ดีซี สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 24-27 ก.ค.61 ว่า ได้หารือกับผู้บริหารระดับสูงของสหรัฐฯ ทั้งจากสำนักงานการค้าสหรัฐฯ (ยูเอสทีอาร์) กระทรวงพาณิชย์ รวมถึงที่ปรึกษาประธานาธิบดี นายโดนัลด์ ทรัมป์ เรื่องปัญหาอุปสรรคทางการค้า และการขยายความร่วมมือการค้าการลงทุน โดยไทยแสดงข้อกังวลกรณีที่สหรัฐฯใช้มาตรา 232 กฎหมายการค้า Trade Expansion Act ปี 1962 ขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากทั่วโลก ในอัตรา 25% และ 10% ตามลำดับ ซึ่งไทยได้ย้ำให้สหรัฐฯยกเว้นการใช้มาตรการดังกล่าวกับไทย เนื่องจากเหล็กและอะลูมิเนียมไทยที่ส่งออกไปสหรัฐฯ มีสัดส่วนไม่ถึง 1% ในตลาดสหรัฐฯ จึงไม่น่าส่งผลเสียหายต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ
นอกจากนั้น เหล็กและอะลูมิเนียมไทย มีส่วนเกื้อกูลการผลิตสินค้าของสหรัฐฯ ขณะเดียวกัน ไทยยังได้ร่วมมือกับอาเซียนหารือกับจีน เพื่อให้ลดการผลิตเหล็กส่วนเกิน รวมถึงไทยได้เพิ่มความเข้มงวดดูแลป้องกันไม่ให้เกิดการแอบอ้างนำเหล็กและอะลูมิเนียมจากแหล่งอื่นมาสวมสิทธิ์เป็นสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากไทยแล้วส่งออกไปสหรัฐฯ ซึ่งกรณีนี้สหรัฐฯก็แสดงความเข้าใจ แต่ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้สหรัฐฯยกเว้นไม่เก็บภาษีตามมาตรา 232 จากไทย และได้ขอให้ไทยทำข้อมูลมาเสนอใหม่ เพื่อประกอบการพิจารณายกเว้นรายประเทศ
สำหรับประเด็นที่สหรัฐฯยังเป็นห่วง และขอให้ไทยทำข้อมูลมาใหม่ เช่น ปริมาณการส่งออกเหล็กจากไทยที่ยังเพิ่มขึ้น แม้ไทยจะมองว่าไม่ถึง 1% แต่ยังเกรงจะกระทบกับอุตสาหกรรมภายใน อย่างไรก็ตาม หากสหรัฐฯต้องการให้ไทยจํากัดปริมาณการส่งออกโดยสมัครใจ ยืนยันว่า ไม่ดำเนินการแน่นอน เพราะผิดหลักการองค์การการค้าโลก (ดับบลิวทีโอ) ขณะที่ผู้ผลิตเหล็กหลายประเทศ ส่งออกไปสหรัฐฯมากกว่าไทยมาก ส่วนการขอยกเว้นการขึ้นภาษีเหล็กเป็นรายสินค้านั้น ผู้ผลิตเหล็กไทย 4 ราย ได้ประสานให้ผู้นำเข้าทำเรื่องขอยกเว้นจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯแล้ว ซึ่งได้ตอบกลับมาแล้ว 3 ราย โดยใน 3 รายนี้ ได้รับการยกเว้น 2 ราย และอีก 1 ราย ยังไม่ได้รับหนังสือตอบกลับ.