นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมได้ส่งเจ้าหน้าที่สายตรวจ 10 สาย ออกตรวจสอบการจำหน่ายปลีกก๊าซหุงต้มในพื้นที่กรุงเทพฯทั้ง 50 เขต เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ราคาและการปิดป้ายแสดงราคาจำหน่าย ส่วนในต่างจังหวัด สำนักงานพาณิชย์จังหวัดได้ออกตรวจสอบร้านจำหน่ายปลีกก๊าซหุงต้มทั่วประเทศเช่นเดียวกัน ภายหลังจากที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติให้นำเงินกองทุนน้ำมัน 30,500 ล้านบาท มาใช้ตรึงราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือนกิโลกรัม (กก.) ละ 10 บาท ส่งผลให้ราคาลดลงถัง (15 กก.) ละ 32 บาท โดยราคาขายปลีกปัจจุบันอยู่ที่ถังละ 363 บาท
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่ามีผู้ประกอบการหลายรายจำหน่ายราคาสูงเกินควร กรมจึงได้ลงบันทึกประจำวันไว้ เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย นอกจากนี้ยังได้ส่งเจ้าหน้าที่ชั่งตวงวัดตรวจสอบการบรรจุและปริมาตรก๊าซหุงต้มทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนซื้อก๊าซหุงต้มได้ปริมาณบรรจุครบ โดยผลตรวจสอบผู้ประกอบการ 462 แห่ง จำนวน 24,974 ถัง พบบรรจุ ก๊าซไม่เต็มปริมาณ 309 ถัง ผู้กระทำผิด 9 ราย ได้ดำเนินคดีฐานความผิดขาย หรือจำหน่าย หรือมีไว้เพื่อขาย หรือจำหน่ายซึ่งสินค้าที่บรรจุในหีบห่อไม่ถูกต้องที่แสดงไว้ ปรับเป็นเงินรายละ 20,000 บาท
“กรมขอเตือนผู้จำหน่ายก๊าซหุงต้มจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายเคร่งครัด ต้องปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายปลีก ค่าบริการขนส่งในรัศมีเกินกว่า 5 กม. และค่าบริการอื่นๆ และไม่จำหน่ายปลีกในราคาที่สูงเกินสมควร ซึ่งจะอ้างอิงราคาจำหน่ายปลีกจากกระทรวงพลังงาน หากตรวจพบจำหน่ายสูงเกินสมควร จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากฉ้อโกงน้ำหนัก จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สำหรับประชาชน ก่อนเลือกซื้อต้องดูป้ายแสดงราคาและค่าบริการขนส่งก่อนเลือกซื้อ อย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นการจำหน่ายก๊าซหุงต้มสูงขึ้นเกินกว่าราคาแนะนำ ร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน โทร. 1569 หากตรวจสอบแล้วพบผิดจริง จะดำเนินการตามกฎหมาย”.