น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค.ได้วิเคราะห์ผลกระทบต่อการค้าไทยจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ-จีนในกรณีต่างๆ พบว่า การที่สหรัฐฯประกาศใช้มาตรา 301 กับสินค้าจากจีนจำนวน 1,333 รายการ จะไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทยในภาพรวมอย่างมีนัยสำคัญ แต่ไทยกลับจะได้รับประโยชน์คิดเป็นมูลค่าประมาณ 120-1,195 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
โดยสินค้าที่ไทยจะได้รับประโยชน์ประกอบด้วย เครื่องจักร/เครื่องใช้กล, เครื่องจักรไฟฟ้า/อุปกรณ์ประกอบ ขณะที่สินค้าที่ได้รับผลกระทบเชิงลบ เช่น เคมีภัณฑ์เบ็ดเตล็ด และเหล็กและเหล็กกล้า โดยผลการศึกษาพบว่าไทยได้รับผลกระทบทั้งผลบวกและทางลบคือ 1.ผลทางลบจากการอยู่ในห่วงโซ่การผลิตของสินค้าจีนที่ส่งไปยังสหรัฐฯ และ 2.ผลทางบวกจากการที่สหรัฐฯนำเข้าจากไทยทดแทนจีน
อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่จีนมีการระบายสินค้าส่งออกของจีนที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของสหรัฐฯไปยังตลาดอื่น ถือเป็นความเสี่ยงต่อไทยใน 2 ด้าน คือ 1.สินค้าของจีนบางส่วนจะไหลเข้าสู่ไทยมากขึ้น เบื้องต้นคาดว่ามีมูลค่ารวม 1,176 ล้านเหรียญ และอาจจะกระทบต่อผู้ผลิตภายในประเทศ และ 2.สินค้าบางส่วนของจีนจะกระจายไปยังคู่ค้าที่สำคัญของไทย และจะทำให้การแข่งขันในตลาดคู่ค้าของไทยสูงขึ้น โดยเฉพาะญี่ปุ่น ฮ่องกง อินเดีย เป็นต้น คาดว่าไทยจะได้รับผลกระทบ 1,984 ล้านเหรียญ ซึ่งรวม 2 ส่วน มีมูลค่าประมาณ 3,160 ล้านเหรียญ
น.ส.พิมพ์ชนกกล่าวว่า สนค.ได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานเศรษฐกิจ เพื่อให้การวิเคราะห์ผลกระทบดังกล่าว รวมถึงพิจารณาแนวทางการรับมือที่เป็นไปได้จากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างมหาอำนาจทางเศรษฐกิจทั้งสองประเทศได้อย่างทันท่วงที โดยที่ประชุมได้ให้ข้อเสนอแนะว่าไทยสามารถแสวงหาโอกาสทางการค้าโดยการเพิ่มช่องทางการเจรจาการค้าในระดับทวิภาคีกับทั้งสองประเทศ พร้อมทั้งสร้างบรรยากาศการลงทุนเพื่อดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งเป็นการพัฒนาความรู้ของประชากรในประเทศด้านเทคโนโลยี และส่งเสริมธุรกิจไทยให้มีศักยภาพ.