นายสุรงค์ บูลกุล ประธานกรรมการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย (บอร์ด กทท.) เปิดเผยว่า กทท.อยู่ระหว่างเชิญชวนประเทศลาวและประเทศจีนตอนใต้ ให้นำเข้าและส่งออกสินค้าผ่านท่าเรือแหลมฉบังมากขึ้น จากปัจจุบันมีสินค้าของทั้ง 2 ประเทศเล็กน้อย โดยวันที่ 3 เม.ย.นี้ จะเดินทางไปหารือกับรัฐบาลลาวเรื่องการบริหารท่าเรือบก ที่หมู่บ้านบ่อเต็น แขวงหลวง-น้ำทา ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชายแดนลาวและจีนตอนใต้ โดยท่าเรือบกจะเป็นสถานที่รวบรวมสินค้าจากทั้ง 2 ประเทศ จากนั้นก็ขนส่งทางรถไฟมายังท่าเรือแหลมฉบัง ส่วนขากลับรถไฟก็สามารถรับสินค้าจากท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อกระจายไปยังประเทศลาวและจีนตอนใต้ได้อีกด้วย
สำหรับโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 ที่มีความสามารถในการรองรับตู้สินค้า 8-10 ทีอียูต่อปี วงเงินลงทุน 150,000 ล้านบาท ขณะนี้การจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ใกล้แล้วเสร็จและที่ปรึกษาอยู่ระหว่างร่างเงื่อนไขการประมูล คาดว่าจะเสนอทีโออาร์ร่างแรกให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาได้ในเดือน พ.ค.-มิ.ย. และจะเปิดประมูลภายในปีนี้
ทั้งนี้ กทท. ตั้งเป้าหมายให้ท่าเรือแหลมฉบัง เปลี่ยนจากท่าเรือเพื่อการนำเข้าและส่งออกภายในประเทศ เป็นท่าเรือสำหรับการส่งผ่านสินค้ามากขึ้น เนื่องจากท่าเรือชั้นนำในภูมิภาค เช่น ประเทศสิงคโปร์ก็มีการส่งผ่านสินค้ามากถึง 80% ส่วนอีก 20% เป็นการนำเข้าและส่งออกสินค้าภายในประเทศโดยการส่งผ่านสินค้ามี 2 ประเภท คือ 1.การเปลี่ยนโหมดขนส่งสินค้าจากทางน้ำเป็นบก รางหรืออากาศ 2.การเปลี่ยนเรือบรรทุกสินค้า ซึ่งการท่าเรือฯ จะอำนวยความสะดวกและแก้ไขอุปสรรคเพื่อให้มีการส่งผ่านสินค้ามากขึ้น เช่น ร่วมกับกรมศุลกากรแก้ไขขั้นตอนการเปิดตู้สินค้าระหว่างเปลี่ยนโหมดการขนส่ง เป็นต้น.