ย้อนปมซื้อรถเมล์ สะดุดกรรมการคุณธรรม

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

ย้อนปมซื้อรถเมล์ สะดุดกรรมการคุณธรรม

Date Time: 19 ต.ค. 2560 05:01 น.

Summary

  • ความพยายามที่จะดันราคากลาง การประมูลรถเมล์ NGV 489 คัน ของ ขสมก.ให้ขึ้นไปเกินกว่า 4,000 ล้านบาท ก็เพราะราคาเดิม 3.3 พันล้านบาท เป็นราคาที่ไม่สามารถจัดสรรเงินทอนกว่า 600 ล้านบาท

Latest

ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ย้ำชัด ไทยไม่ลด "ดอกเบี้ย" ตามเฟด ชี้ "บาทแข็งค่า" ไม่ทุบทิศทางส่งออกไทย

ความพยายามที่จะดันราคากลาง การประมูลรถเมล์ NGV 489 คัน ของ ขสมก.ให้ขึ้นไปเกินกว่า 4,000 ล้านบาท ก็เพราะราคาเดิม 3.3 พันล้านบาท เป็นราคาที่ไม่สามารถจัดสรรเงินทอนกว่า 600 ล้านบาทให้เป็นไปตามความปรารถนาของกลุ่มคนบางกลุ่มได้ ...จริงๆกระนั้นหรือ?

ทั้งผู้บริหาร ขสมก. ไล่ไปจนถึงระดับ ก.คมนาคม พร้อมใจขานรับกันเป็นทีมโดยหาเหตุว่า ราคา 3.3 พันล้านบาท ไม่มีผู้เข้าร่วมประมูลรายใดให้ความสนใจ เพราะเป็นราคาที่ต่ำเกิน

ขณะที่ สุนทร ชูแก้ว ผู้รับมอบอำนาจจากบริษัทเบสท์รินฯ ได้เปิดประเด็นย้ำว่า ขสมก. หรือใครก็ตามที่กำลังใช้ความพยายามผลักดันราคากลางจาก 3.3 พันล้านเป็น 4 พันกว่าล้าน ขอเรียนว่าราคาที่เบสท์รินฯชนะนั้นเป็นราคาที่รวมภาษีต่างๆและค่าธรรมเนียมครบถ้วนแล้ว...ไม่มีความจำเป็นต้องซื้อแพงไปมากกว่านี้

ทว่านอกจากไม่มีใครฟังแล้วยังเดินหน้าออกมาฟันธงราคากลางรถเมล์ NGV รอบใหม่ 4,020 ล้านบาท เปิดประมูลกลางเดือนตุลาคม พร้อมส่งมอบลอตแรก 20 คันก่อนปีใหม่ ท่ามกลางกระแสข่าวที่ว่า มีเอกชนรายหนึ่งนำเข้ารถบัสที่มีสเปกและสีตามที่ ขสมก.กำหนดไว้เป๊ะ 2 เที่ยวขน...เที่ยวละ 16 คัน รวม 32 คัน

คำถามสำคัญมีว่า...รถบัสปริศนาจำนวนนี้คือรถ 20 คันแรกที่ ขสมก. ตั้งใจเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนผู้เข้าร่วมประมูลรายหนึ่งจริงหรือเปล่า? เพราะในทีโออาร์ ขสมก.กำหนดส่งมอบรถโดยสารจำนวน 20 คัน ภายในระยะเวลา 40 วัน นับถัดจากวันลงนามในสัญญา ซึ่งพอมีผู้ท้วงติง ขสมก.ได้ตัดข้อความในส่วนนี้ออก แต่กลับเพิ่มเกณฑ์การพิจารณาความสามารถในการส่งมอบรถโดยสารไว้ในข้อ 6...

โดยตั้งเป็นเกณฑ์การให้คะแนนสำหรับบริษัทฯที่สามารถนำส่งมอบรถได้เร็วกว่ารายอื่น

สรุปคือ...ยังไงๆก็ต้องช่วยเอกชนรายนี้ให้ได้หรือ?

เมื่อมาถึงจุดนี้จุดที่ดื้อตาใส คงต้องย้อนอดีตไปเมื่อสมัยนางปราณี ศุกระศร นั่งรักษาการผู้อำนวยการ ขสมก.ที่จะมีการลงนามสัญญาซื้อขายรถโดยสาร NGV 489 คัน

ท่ามกลางเสียงทักท้วงจากหลายฝ่าย แม้แต่เสียงคัดค้านจากคณะกรรมการที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งขึ้นและคาดหวังมากเพื่อแก้ไขป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐนั่นก็คือ “คณะกรรมการคุณธรรม” ทำหน้าที่สังเกตการณ์โครงการจัดซื้อจัดจ้างทุกโครงการของรัฐบาล

ในครั้งนั้น ขสมก.พยายามดันทุรังที่จะลงนามแต่ไม่สำเร็จ เนื่องเพราะมีผู้สังเกตการณ์คุณธรรม 2 ท่านประกาศลาออกไม่ขอร่วมสังฆกรรมลงนามในสัญญาจัดซื้อรถโดยสาร NGV 489 คัน

ภายหลังมีมติบอร์ด ขสมก.ให้มีการเซ็นสัญญาซื้อขายกับกลุ่มกิจการร่วมค้า JVCC ที่มีบริษัท ช.ทวีดอลลาเซียนจำกัด (มหาชน) เป็นผู้ชนะประมูลในวันที่ 17 สิงหาคม 2558...ไล่เรียงลำดับปัญหาที่เกิดขึ้น เหตุไฉน จึงไม่มีการเซ็นสัญญาซื้อขายเกิดขึ้นนับหนึ่งจากวันที่ 2 มิถุนายน 2558 นายนพนันท์ วรรณเทพสกุล และนายอรุณ ลีธนาโชค 2 ผู้สังเกตการณ์โครงการจัดซื้อรถเมล์ NGV 489 คัน ส่งรายงานไปยัง ศ.เมธี ครองแก้ว ประธานคณะอนุกรรมการฝ่ายมาตรการป้องกันการทุจริต (ป.ป.ช.) เพื่อเรียกเอกสารมาตรวจสอบ

4 มิถุนายน 2558 คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติยุบคณะอนุกรรมการฝ่ายมาตรการป้องกันการทุจริต คล้อยหลังไม่กี่วัน (8 มิ.ย.58) นายนพนันท์ และนายอรุณ ส่งบันทึกขอให้ระงับการลงนามสัญญาโครงการจัดซื้อฯและการจัดหาผู้ซ่อมบำรุงรักษารถต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.)

พร้อมยื่นจดหมายลาออกจากการทำหน้าที่ผู้สังเกตการณ์ ลงวันที่ 5 มิถุนายน 2558

9 มิถุนายน 2558 นายนพนันท์ อดีตผู้สังเกตการณ์ ในฐานะคณะอนุกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ด้านการป้องกันการทุจริตรายงานในที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯ เพื่อรับทราบปัญหา

10 มิถุนายน 2558 นายนพนันท์ทำบันทึกถึงนายมนัส แจ่มเวหา ประธานคณะอนุกรรมการการประสานความร่วมมือข้อตกลงคุณธรรม และ พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ ประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ขณะนั้นขอให้ตรวจสอบความไม่ถูกต้องการประกวดราคา

11 มิถุนายน 2558 นายนพนันท์และนายอรุณส่งรายงานผลการสังเกตการณ์ให้นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) พร้อมแจ้งว่าลาออกแล้ว ถัดมาวันเดียวก็ได้มีการประชุมประสานงาน คตช. และรับทราบปัญหาการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี

16 มิถุนายน 2558 กรมบัญชีกลางเชิญนายนพนันท์เข้าชี้แจงในที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯ และในวันที่ 8 กรกฎาคม 2558 สองอดีตผู้สังเกตการณ์ และ รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค ประธานคณะอนุกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติด้านการป้องกันการทุจริต เข้าประชุมหารือกับคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงของ ขสมก.

9 กรกฎาคม 2558 ขสมก.ส่งเอกสารด้านเทคนิคของผู้ชนะการประกวดราคาและประสงค์จะเสนอราคาเพื่อให้ตรวจสอบ ผ่านไปเกือบสัปดาห์...วันที่ 15 กรกฎาคม 2558 รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค จัดส่งรายงานผลการพิจารณาเอกสารด้านเทคนิคของผู้ชนะการประกวดราคาไปยังรักษาการผู้อำนวยการ ขสมก. พร้อมสำเนาไปยังกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการต่อต้านด้านการทุจริตแห่งชาติ และประธานอนุกรรมการประสานความร่วมมือข้อตกลงคุณธรรม

24 สิงหาคม 2558 อดีตสองผู้สังเกตการณ์ทำรายงานเพื่อนำเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่องความไม่ถูกต้องโครงการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวีและการจัดหาผู้ซ่อมบำรุง และขอให้ตรวจสอบเพื่อป้องกันความเสียหายแก่รัฐ

2 กันยายน 2558 คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (กวพ.อ.) พิจารณาคำร้องอุทธรณ์ของบริษัทเบสท์ริน และในวันที่ 25 กันยายน 2558 นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ให้ข่าวกับสื่อมวลชนว่าจะให้ ขสมก.รายงานความคืบหน้าการจัดซื้อรถเมล์ลอตแรก 489 คัน ในวันที่ 28 กันยายน และจะดำเนินการซื้อรถพลังงานไฟฟ้าเข้ามาใช้แทนก่อนจำนวน 200 คัน

อรุณ ลีธนาโชค ผู้สังเกตการณ์ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ผู้สังเกตการณ์คุณธรรมพบว่า ในขั้นตอนมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารระหว่างการเจรจาค่าซ่อม ซึ่งระหว่างการประชุมเจรจาค่าซ่อมตนเองและอาจารย์นพนันท์ได้แย้งไปแล้วว่าไม่น่าจะทำได้ เนื่องจากเอกสารค่าซ่อมถือเป็นเอกสารหลักที่เป็นคุณสมบัติในการเข้าประมูล ดังนั้น การเห็นเอกสารทีหลังแล้วมาแก้ไขใหม่เห็นว่าทำให้มีคุณสมบัติเรื่องเอกสารไม่ครบถ้วนและไม่ควรมีสิทธิ์ตั้งแต่ก่อนเข้าประมูล ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นข้อผิดพลาดของคณะกรรมการจัดซื้อของ ขสมก.ที่จัดเจ้าหน้าที่ที่ไม่มีความรู้ทางด้านเทคนิคเข้ามาทำหน้าที่ ทำให้เกิดข้อผิดพลาดตั้งแต่เบื้องต้น จนกระทั่งก่อให้เกิดความบกพร่องส่งผลให้มีผู้ได้เสียในการประมูล

ราคากลาง 4,020 ล้านบาท ที่กำลังจะประมูลครั้งล่าสุดนี้ก็เช่นกัน มีการหมกเม็ดขึ้นราคาค่าซ่อมบำรุงปีที่ 6 ถึงปีที่ 10...ส่งผลทำให้ราคากลางพรุ่งพรวดจาก 3,300 ล้านบาท แพงขึ้นมาอีก 600 ล้านบาท ซ้ำรอยเดิม

“ขสมก.ต้องทบทวน ไม่ใช่เอาแต่ดันทุรังกล่าวอ้างว่าขั้นตอนทั้งหมดถูกต้อง เพื่อปิดบังอำพรางข้อเท็จจริงบางประการไว้ จนกระทั่งทำให้เกิดการฟ้องร้องเป็นคดีความขึ้นมาแบบซ้ำซาก ผู้บริหารระดับกระทรวงก็ต้องตรวจสอบด้วยว่า การที่เอกชนกระทำความผิดตามข้อตกลงคุณธรรม มีบทบัญญัติลงโทษอย่างไร?...มีสิทธิ์เข้าร่วมสังฆกรรมกับ ขสมก.หรือไม่?”

ย้อนอดีตทบทวนเรื่องราว เหตุฉาวๆจะได้ไม่เกิดมาหลอกหลอนซ้ำๆซากๆ.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ