นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนจัดงาน “วิสาหกิจเพื่อสังคมกับบทบาทที่เหนือกว่าการเป็นผู้ให้” โดยตั้งเป้าหมายที่จะสนับสนุนให้มีการจัดตั้งกิจการที่เป็นประโยชน์แก่คนในชุมชน หรือวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise : SE) เพื่อผลิตสินค้าหรือบริการของชุมชนและส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานในท้องถิ่น เพื่อสร้างความเข้มแข็งและขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นตามนโยบายของรัฐบาล
“การผลักดันชุมชนจัดตั้งวิสาหกิจเพื่อสังคม ไม่ได้มีเป้าหมายสร้างผลกำไรเพียงอย่างเดียว แต่เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาสังคม และพัฒนาชุมชนให้เห็นผลเป็นรูปธรรมชัดเจนในระยะสั้น เช่น การจ้างงานผู้พิการหรือผู้ผ่านการต้องขังเพื่อให้มีงานทำ ซึ่งนอกจากจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและความสุขของคนในชุมชนแล้ว ยังจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมด้วย”
สำหรับการส่งเสริมให้วิสาหกิจเพื่อสังคมมีความเข้มแข็ง กระทรวงฯ จะผลักดันให้มีการจดทะเบียนจัดตั้งเป็นนิติบุคคล เพื่อให้เกิดการคล่องตัวในการบริหารงาน และง่ายต่อการปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาลในการประกอบธุรกิจ และยังได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีอีก หากมีคำว่า “วิสาหกิจเพื่อสังคม” กำกับในชื่อนิติบุคคล รวมถึงจะช่วยผลักดันให้สมาคมการค้าเข้าไปให้การสนับสนุนการดำเนินกิจการของวิสาหกิจเพื่อสังคมด้วย
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ส่วนเป้าหมายที่จะพัฒนากิจการที่มีศักยภาพให้เป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมนั้น ตั้งเป้าหมายจะผลักดันให้ได้สัดส่วน 50% จากทั้งสิ้น 361 ราย เพื่อให้กิจการที่กำลังจะก้าวสู่การเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมมีผลกำไรเพิ่มขึ้น และต้องนำผลกำไรส่วนใหญ่กลับคืนสู่ชุมชน ทำให้ชุมชนพึ่งพาตนเองได้ ลดการพึ่งพิงภาครัฐ
“การขยายช่องทางการตลาดและการกระจายสินค้าของวิสาหกิจเพื่อสังคม จะดำเนินการผ่านเครือข่ายความร่วมมือทางธุรกิจและการจับคู่พันธมิตรทางธุรกิจ โดยสนับสนุนให้วิสาหกิจเพื่อสังคมเข้าร่วมออกบูธประชาสัมพันธ์ สินค้าและบริการในงานต่างๆ ที่กระทรวงจัดขึ้น รวมทั้งสนับสนุนการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เพื่อให้ผู้บริโภคและภาคธุรกิจอุดหนุนผลิตภัณฑ์และบริการของกลุ่มวิสาหกิจเพื่อสังคมมากขึ้น”.