กนง.ลดดอกเบี้ยเหลือ 2% กังวลภาคผลิตทรุด ฉุด GDP ห่วงเศรษฐกิจโตต่ำเป้า เลี่ยงตอบการเมืองกดดัน

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

กนง.ลดดอกเบี้ยเหลือ 2% กังวลภาคผลิตทรุด ฉุด GDP ห่วงเศรษฐกิจโตต่ำเป้า เลี่ยงตอบการเมืองกดดัน

Date Time: 26 ก.พ. 2568 18:24 น.

Video

“Bulgari” ไทยโอกาสใหม่ Luxury | Brand Story Exclusive EP.5

Summary

  • กนง.มีมติไม่เป็นเอกฉันท์ ลดดอกเบี้ย 0.25% เหลือ 2.00% กังวลภาคการผลิตหดตัว ฉุด GDP ปี 68 โตต่ำกว่าคาด ย้ำไม่ใช่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง (easing cycle) ให้น้ำหนักแนวโน้มเศรษฐกิจ

Latest


วันนี้ (26 ก.พ. 2568) คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติไม่เป็นเอกฉันท์ด้วยเสียง 6 ต่อ 1 เสียง ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 2.00% ต่อปี ในการประชุมนัดแรกของปี ซึ่งเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งที่สอง นับตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค. 2567 ที่ผ่านมา กนง. มีมติไม่เป็นเอกฉันท์ 5:2 ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25%

โดยเหตุผลการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ กนง. มองว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าคาด สะท้อนจาก GDP ในปี 2567 ที่ขยายตัว 2.5% ต่ำกว่าที่ประเมินไว้ 2.7% จากภาคการผลิตอุตสาหกรรมที่ถูกกดดัน ปัญหาเชิงโครงสร้าง และการแข่งขันจากสินค้าต่างประเทศ รวมทั้งมีความเสี่ยงสูงขึ้นจากนโยบายการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก แม้ว่าเศรษฐกิจจะได้รับแรงสนับสนุนจากอุปสงค์ภายในประเทศและการท่องเที่ยว

ทั้งนี้ กนง. ปรับลดประมาณการ GDP ในปี 2568 เหลือช่วงประมาณ 2.5% จากที่เคยประเมินไว้ 2.9% ซึ่งรวมผลเสี่ยงจากนโยบายการค้าและผลของดิจิทัลวอลเล็ตแล้ว โดยในเดือน เม.ย. กนง. จะมีการประกาศตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจอย่างเป็นทางการต่อไป

ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มทรงตัวใกล้เคียงขอบล่างของกรอบเป้าหมาย จากปัจจัยด้านอุปทานโดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบโลกที่มีแนวโน้มลดลง รวมถึงปัจจัยเชิงโครงสร้าง เช่น การแข่งขันด้านราคาที่สูงจากสินค้านำเข้า โดยในปี 2567 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปขยายตัวที่ 0.4% ใกล้เคียงกับที่ กนง. ประเมินไว้

ทั้งนี้อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำไม่ได้ส่งสัญญาณภาวะเงินฝืดหรือภาวะที่เงินเฟ้อติดลบต่อเนื่อง เนื่องจากปัญหามาจากฝั่งอุปทาน สะท้อนจากน้ำหนักสินค้าหมวดอาหารสดและหมวดพลังงานที่ลดลง เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง แต่ราคาสินค้าส่วนใหญ่อีก 70-80% ยังปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ภาวะการเงินยังตึงตัวแม้การขยายตัวและคุณภาพของสินเชื่อในภาพรวมเริ่มมีสัญญาณทรงตัวบ้าง แต่สินเชื่อ SMEs ยังหดตัวต่อเนื่อง ด้านการขยายตัวของสินเชื่ออุปโภคบริโภคส่วนใหญ่ปรับลดลง ส่วนหนึ่งจากครัวเรือนที่รายได้ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่และมีภาระหนี้สูง

คณะกรรมการฯ จึงเห็นควรให้ลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อลดความตึงตัวของภาวะการเงิน ลดภาระหนี้ภาคครัวเรือนและธุรกิจ โดยดอกเบี้ยที่ 2.00% เป็นระดับที่สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และเสถียรภาพระบบการเงิน รวมทั้งรองรับความเสี่ยงด้านต่ำที่ชัดเจนขึ้น

ดีมานด์โต แต่ภาคการผลิตไม่โต

ในปี 2567 ที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยขยายตัวที่ 2.5% ต่ำกว่าที่ธปท. ประเมินไว้ที่ 2.7% เนื่องจากปัญหาโครงสร้างในภาคการผลิต โดยภาคการผลิตสนับสนุนเศรษฐกิจได้น้อยลง แม้จะมีสัดส่วน 20% ของ GDP แต่อีก 10% กำลังเผชิญแรงกดดันรอบด้านและฟื้นตัวช้าลง
.
โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ จากการเข้ามาดิสรัปของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี การเข้ามาตีตลาดสินค้าราคาถูกจากจีน ต้นทุนภาคสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มที่ปรับเพิ่มขึ้น ล้วนเป็นปัจจัยที่กดดันภาคการผลิตในระยะต่อไป ด้านการบริโภคภาคเอกชนยังเป็นปัจจัยหลักสนับสนุนการเติบโตเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม การบริโภคที่เพิ่มขึ้นสวนทางกับภาคการผลิตที่หดตัว สักกะภพ พันธ์ยานุกูล เลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อธิบายว่า เป็นผลมาจากปริมาณสินค้าคงคลังที่หดตัว กดดันภาคการผลิต ประกอบความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ทำให้ผู้ผลิตชะลอการผลิตสินค้าใหม่ เน้นระบายสินค้าที่ค้างอยู่

ไม่ใช่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง

อย่างไรก็ตาม การปรับลดดอกเบี้ยครั้งนี้ ไม่ใช่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง หรือวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง (easing cycle) เนื่องจาก กนง. พิจารณานโยบายการเงิน โดยให้น้ำหนักกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่โตต่ำลง จากการประเมินข้อมูลและความเสี่ยงในระยะข้างหน้า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 2.00% ยังสามารถจัดการความเสี่ยงทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ เศรษฐกิจ เงินเฟ้อ เสถียรภาพการเงิน ได้อย่างสมดุล

ลดดอกเบี้ย เลี่ยงแรงกดดันการเมือง

สำหรับกระแสข่าว ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีการส่งหนังสือตรงถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงินว่าเป็นแรงกดดันให้ กนง. ตัดสินใจลดดอกเบี้ยครั้งนี้

สักกะภพ กล่าวว่า ธปท. ยังไม่ได้รับหนังสือดังกล่าวอย่างเป็นทางการ โดยในการพิจารณานโยบายการเงิน กนง. มีการประเมินข้อมูล (input) ที่ได้รับจากหลายภาคส่วน ทั้งจากรัฐบาลและข้อมูลภาคสนามจากประชาชน แต่ครั้งนี้ กนง. ให้น้ำหนักกับแนวโน้มเศรษฐกิจ (Outlook) ที่ชะลอลงอย่างมีนัยสำคัญ ต่างจากที่เคยประเมินไว้ สะท้อนข้อมูลเศรษฐกิจไตรมาส 4 ปี 2567 ที่ขยายตัวต่ำกว่าคาด

ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ 
https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ