นายพิชัย ชุณหวชิระ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่มีการโพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียว่า นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง มีคุณสมบัติไม่ครบถ้วน ทำให้หลุดจากตำแหน่งประธานบอร์ดธนาคารแห่งประเทศไทย ว่า เนื่องจากเมื่อจะเสนออะไรเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี หน่วยงานที่ตนสังกัดจะต้องเสนอตรวจสอบคุณสมบัติก่อน จะต้องตรวจทุกหน่วยงานใหม่อีกรอบหนึ่ง ซึ่งเหลืออีกเพียงหนึ่งหน่วยงานคือคณะกรรมการกฤษฎีกา คาดว่าจะสามารถให้ความเห็นได้ภายใน 1-2 วันนี้ ว่าสุดท้ายแล้วเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่าขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนถึงคุณสมบัติของนายกิตติรัตน์ใช่หรือไม่ นายพิชัยระบุว่า ที่ออกมาเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของบางคนเท่านั้น ซึ่งต้องรอฟังความเห็นจากกฤษฎีกา
เมื่อถามว่ารายชื่อของนายกิตติรัตน์ คณะกรรมการกฤษฎีกายังไม่ส่งมาให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังใช่หรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า ยังไม่ส่งมา
เมื่อถามต่อว่าหากรายชื่อของนายกิตติรัตน์ไม่ผ่านกระบวนการหลังจากนี้จะเป็นเช่นไร นายพิชัยกล่าวว่า สมมติว่ารายชื่อของนายกิตติรัตน์ไม่ผ่าน จะต้องพูดคุยกันเพื่อรีบเร่งเสนอใหม่เพราะเหลือเพียงตำแหน่งเดียว ซึ่งตนคิดว่าทางการสรรหาสแตนบายพร้อมทุกเรื่อง
ส่วนจำเป็นต้องใช้รายชื่อสำรองจากการสรรหาครั้งที่ผ่านมาขึ้นมาแทนหรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า มีกฎเกณฑ์อยู่ ซึ่งการเสนอมาจากคลังฝ่ายหนึ่งและธนาคารแห่งประเทศไทยฝ่ายหนึ่ง ซึ่งต้องดูว่าองค์ประกอบครบหรือไม่ ถ้ามีสำรองครบก็โอเค
ส่วนจะต้องส่งรายชื่อสำรองไปตรวจสอบคุณสมบัติคู่ขนานเลยหรือไม่ นายพิชัยย้ำคำเดิมว่าต้องหารือว่าองค์ประกอบครบหรือเปล่า ซึ่งคนเก่าจะต้องรักษาการไปก่อน พร้อมยอมรับว่า คนเก่าเห็นว่าจะออก และในกรณีที่จะออกก็ต้องรีบหาคนมาแทน ไม่เช่นนั้นอาจส่งผลต่อการจัดการประชุม โดยจะเร่งดำเนินการเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย
ขณะเดียวกันนายพิชัย ยังยอมรับว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้กระทรวงการคลังจะเสนอเรื่องเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ 10,000 บาทเข้าสู่ที่ประชุม จะมีการจ่ายเงินให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เกิดวันที่ 29 มกราคมนี้