SC เตรียมรีแบรนด์ใหม่ในรอบ 18 ปี ลุยปั้นโรงแรม The Standard พัทยา ,บ้านหรู SONLE เริ่ม 200 ล้าน

เป็นอีกหนึ่งผู้บริหารคนดังของภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย ที่ออกมายอมรับว่า ปีนี้การทำธุรกิจ “ไม่ง่าย” สำหรับ “ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC เจ้าของแบรนด์คฤหาสน์หรู “บางกอก บูเลอวาร์ด”

ที่ปัจจุบัน นอกจากมีโครงการบ้านและคอนโดมิเนียมในทำเลต่างๆ นับ 96 โครงการ มูลค่ากว่า 9.4 หมื่นล้านบาท ยังเป็นเจ้าของโรงแรม คลังสินค้า อาคารสำนักงาน และอพาร์ตเมนต์ใน USA ด้วยจุดแข็งทั้งในแง่พันธมิตร และสภาพคล่อง “เงินทุน” มากกว่า 10,000 ล้านบาท

โดยวันนี้ (20 ก.พ.)ผู้บริหาร SC เผยแผนธุรกิจ ปี 2568 ในแนวคิด ReThink To Reform พร้อมให้ข่าวว่า SC เตรียมจะรีแบรนด์ใหม่ในรอบ 18 ปี เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้า และโมเดลธุรกิจที่เปลี่ยนไป และมีความหลากหลายมากขึ้น

SC เตรียมเปิดขายโครงการ SONLE บ้านหรู ราคาเริ่ม 200 ล้าน 

สำหรับปีนี้ SC ซึ่งถือเป็นเจ้าตลาดเบอร์ 1 ในกลุ่มโครงการบ้านหรู ราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป ยังคงตั้งเป้ารักษาตำแหน่งแชมป์ ภายใต้แผนเปิดโครงการใหม่ รวมทั้งสิ้น 15 โครงการ 28,000 ล้านบาท (รวมบ้าน, คอนโดฯ)

ซึ่งไฮไลท์โครงการปีนี้ นอกจากจะลุยเปิดบ้านซีรีส์ใหม่ จากแบรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ดแล้ว “ณัฐพงศ์” ยังเผยว่า บริษัทเตรียมสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับตลาดที่อยู่อาศัยไทย ผ่านการเปิดแบรนด์ใหม่ ที่ชื่อว่า SONLE ซึ่งจะเป็นบ้านเดี่ยว สไตล์ Sophisticated Modern Tropical ในราคาเริ่มต้น หรือถูกสุด 200 ล้านบาท จำนวน 4 ยูนิต ในทำเลกลางเมือง บนถนนนรัชดาฯ ใกล้กับ รพ.เกษมราษฎร์ประชาชื่น

ซึ่งเป็นที่ดินเก่าที่อยู่ในพอร์ตมานานแล้วกว่า 15 ปี อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ผ่านมา จะพบว่า โปรดักส์ตลาดบนยังเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่มาก ยิ่งในภาวะเศรษฐกิจซึม ตลาดดังกล่าว เรียกได้ว่าเป็น Safe Zone สำคัญของธุรกิจอสังหาฯ เพราะลูกค้ามีสุขภาพการเงินที่ดีกว่าเซกเมนต์อื่นๆ

อีกทั้งยังสะท้อนจากการตอบรับของโครงการก่อนหน้านี้ อย่างบ้าน ไนน์ตี้ไฟว์ อีสต์วัน (95E1) Urban Luxury Collection โครงการบ้านหรู 100 ล้าน หรือ CONNOISSEUR Phatthanakan (คอนนาเซอร์ พัฒนาการ) ที่บริษัทพัฒนาเปิดขายในระดับราคา 80-160 ล้านบาท ในช่วงปีที่ผ่านมา ก็ได้รับการตอบรับที่ดี และยังมีดีมานด์อีกระดับ ที่มองหาบ้านคุณภาพ ขนาดใหญ่ อยู่กลางเมือง เป็นการสอดรับกันของโอกาสและดีมานด์ที่ดี

สำหรับแผนธุรกิจที่อยู่อาศัยดังกล่าว อยู่ภายใต้กลยุทธ์การปรับพอร์ตโฟลิโอธุรกิจ กระจายสินค้าให้หลากหลาย ลงทุนอย่างรอบคอบ และเจาะโอกาสให้มากขึ้น

พร้อมๆ กับการ Reform ที่ 2 และ Reform ที่ 3 อย่างการปรับโครงสร้างต้นทุน เน้นการพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพสูง มีนวัตกรรมตอบโจทย์ลูกค้า เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไร ปรับโครงการองค์กร เพิ่มความคล่องตัวในเชิงธุรกิจ เพื่อให้ยอดขาย และรายได้ยังเป็นบวก ที่ 26,000 ล้านบาท (+4%) และ 25,000 ล้านบาท (+11%) ตามลำดับ

เนื่องจากผู้บริหาร SC ยอมรับว่า ปี 2568 ยังจะเป็นอีก 1 ปี ที่ธุรกิจอสังหาฯ ท้าทาย และไม่เคยมีครั้งไหน ที่เจออุปสรรคใหญ่พร้อมกัน 3 เรื่อง ได้แก่ หนี้ครัวเรือนสูง, อุปทานล้น, และความเชื่อมั่นต่ำ อีกทั้งยังจะเผชิญกับความผันผวน จากนโยบายใหม่ของสหรัฐ และสงครามความขัดแย้ง การค้า-การลงทุนของโลก ที่เปลี่ยนไป

อย่างไรก็ดี หากเปรียบธุรกิจเหมือนสิ่งมีชีวิต ตามทฤษฎี “สิ่งมีชีวิต” ที่จะอยู่รอดได้ ไม่ใช่อึด หรือแข็งแกร่ง แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ปรับตัวได้เก่ง

ซึ่ง SC ดำเนินกลยุทธ์นี้มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในยามยากลำบาก บริษัทยังคงรักษาการเติบโตในเชิงรายได้เอาไว้ได้กว่า 20% แม้กำไรจะลดลง จากการทำการตลาดเชิงรุกมากขึ้น “วิ่งหาลูกค้า ไม่ใช่รอให้ลูกค้าเดินมาหา”

เสนอรัฐบาล ประคองธุรกิจอสังหาฯ ปลดล็อก LTV ,เพิ่มสิทธิต่างชาติ

ทั้งนี้ จากสถานการณ์ดังกล่าว อาจเป็นสัญญาณให้รัฐบาลต้องกลับมาทบทวนกฎ หรือเงื่อนไขต่างๆ ที่ทำให้ตลาดชะลอตัว โดยเฉพาะภาวะการโอเวอร์ซัพพลายของตลาดบ้าน ที่มีรายงานออกมาว่า อาจต้องใช้เวลาหลายปี กว่าซัพพลายจะถูกดูดซับออกไป

จากปัญหาคนมีความต้องการ “ที่อยู่อาศัย” อยู่มาก แต่ด้วยสภาพเศรษฐกิจ และการกู้ไม่ผ่าน ทำให้ตลาดชะลอตัว โดยเบื้องต้น ประเมินว่า อสังหาฯ ไทย อาจต้องใช้เวลานานถึง 3 ปี ถึงจะกลับมาอยู่ในภาวะปกติ

ในฐานะเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการ มีความคาดหวังให้รัฐบาลวางมาตรการแก้ปัญหาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เนื่องจากตลาดที่อยู่อาศัย มีนัยต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง

• การผ่อนผันบังคับใช้มาตรการ LTV (อัตราส่วนของสินเชื่อต่อมูลค่าบ้าน) ออกไปก่อน 1-2 ปี เนื่องจากมาตรการดังกล่าว ถูกผลักดันออกมาใช้ช่วงก่อนหน้า เพื่อป้องกันการเก็งกำไรในตลาด แต่ปัจจุบัน ปัญหาดังกล่าวคลี่คลายลงแล้ว แต่ LTV กลับเป็นอุปสรรคให้กับผู้ที่ต้องการซื้อบ้านหลังที่ 2, 3
• เรียกร้องให้รัฐบาลยืดมาตรการสนับสนุนการซื้อที่อยู่อาศัย ผ่านการลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และจดจำนองเพิ่มเติม หลังจากหมดการบังคับใช้ไปเมื่อ ธ.ค. 2567 พร้อมเสนอให้ขยายเพดานของราคาบ้าน ที่ถูกวางไว้สำหรับบ้านไม่เกิน 7 ล้านบาท เป็นการครอบคลุมบ้านทุกระดับราคา เพราะเชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นดีมานด์ได้อย่างดี
• การออกนโยบายให้ธนาคารปล่อยกู้ และอนุมัติสินเชื่อให้ง่ายขึ้น จากปัญหาผู้ซื้อจำนวนมาก ถูกปฏิเสธสินเชื่อ เรื่อยไปจนถึงการพิจารณาอัตราดอกเบี้ยให้เหมาะสม
• การสนับสนุนการซื้อที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติ ผ่านนโยบายที่เหมาะสมรัดกุม เช่น การจำกัดโซน, ระดับราคา และสัดส่วนการถือกรรมสิทธิ์/โครงการ สร้างประโยชน์ 2 ชั้น จากเงินทุน และการเรียกเก็บภาษีจากชาวต่างชาติ

ลงทุนโรงแรม The Standard แห่งแรกในพัทยา 

เจาะแผนธุรกิจไฮไลท์ของ SC ปีนี้ ยังพบการรุกธุรกิจโรงแรมอย่างจริงจังมากขึ้น โดยจะมีการเปิดโรงแรมใหม่ อย่าง KROMO, Curio Collection by Hilton ทำเลติดถนนสุขุมวิท ตรงข้ามห้าง EmSphere

และอีกไฮไลท์ คือ The Standard หนึ่งเดียวในพัทยา บนที่ดิน 4 ไร่ ติดหาดนาจอมเทียน ในรูปแบบการร่วมลงทุน 45% กับ บริษัท ซินเท็ค คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้นำในอุตสาหกรรมก่อสร้าง

ขณะในอนาคต อาจมีความเป็นไปได้ในการขยายแบรนด์ไปสู่ “เรสซิเดนซ์” ด้วยเช่นกัน เพื่อรับโอกาสการเติบโตของภาคการท่องเที่ยวไทย โดยบริษัทยังมองหาโอกาสสำหรับโมเดลดังกล่าว ทั้งในกรุงเทพฯ และภูเก็ตอีกด้วย

นอกจากนี้ บริษัท ยังมีแผนพัฒนาคลังสินค้าเพื่อเช่า 3 โครงการใหม่ ในทำเล บางนา กม. 20, แหลมฉบัง และนิคมอมตะ ชลบุรี เพื่อกระจายความเสี่ยงในธุรกิจที่หลากหลายขึ้น.

ติดตามข่าวสารด้านการตลาด กับ Thairath Money ได้ที่

https://www.thairath.co.th/money/business_marketing 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney