วิกฤติต้มยำกุ้งในช่วงปี 2540 คือวิบากกรรมทางเศรษฐกิจของไทย ที่ผลพวงของมันทำให้สถานะทางชนชั้นใหม่ที่เรียกกันว่า “คนเคยรวย” เกิดขึ้นมากมาย ซึ่ง สุรเดช นิลเอก กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรอปิคานา ออยล์ จำกัด น่าจะเป็น 1 ในคนกลุ่มนั้น เพราะมีหนี้สินติดตัวมาจากวิกฤติครั้งดังกล่าวมากกว่า 10 ล้านบาท
แต่ด้วยปัญญา ความสามารถ และการเสาะหาเพื่อให้เข้าถึงข้อมูล ทำให้วันนี้...คุณสุรเดชในวัย 67 ปี กลายเป็นผู้ผลิตน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น รวมทั้งผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องอีก 96 ชนิด ด้วยยอดขายปี 2567 ล่าสุดประมาณ 210 ล้านบาท
ปัจจุบันทรอปิคานา (Tropicana) สินค้าจากไอเดียต่อยอดมรดกครอบครัวชาวสวนมะพร้าวแห่งลุ่มน้ำตาปี สุราษฎร์ธานี ที่สืบทอดวิถีทำกินมากว่า 80 ปี กำลังถูกเปลี่ยนผ่านจากเจน 1 สู่เจน 2 เมื่อบุตรชายคนโตวัย 32 ปี “ณัฐณัย นิลเอก” ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ขยับเข้ามาช่วยงาน ภายใต้ปณิธานซื้อมะพร้าวจากประเทศไทยเท่านั้น ไม่ว่าราคาจะสูงเพียงใด เพื่อสร้างรายได้ให้กับชาวสวน
“คุณพ่อเคยทำงานกับกลุ่มสหพัฒน์ เป็นลูกน้องคุณณรงค์ โชควัฒนา ที่ครอบครัวผมเคารพนับถือ จากนั้นท่านออกมาตั้งโรงงานผลิตแผ่นยางรองเท้าที่นครปฐม ซึ่งเป็นบ้านเกิดคุณแม่ และเป็นที่ตั้งของธุรกิจครอบครัวจนปัจจุบัน ช่วงปี 2540 ธุรกิจถูกวิกฤติเศรษฐกิจเล่นงาน คุณพ่อมีหนี้สินหลาย 10 ล้านบาท ดีที่ท่านเป็นคนสู้ ไม่ยอมแพ้”
“ระหว่างนั้นคุณพ่ออ่านหนังสือพิมพ์ เข้าใจว่าเป็น นสพ.ไทยรัฐ (ยิ้ม) เห็นข่าวประชาสัมพันธ์สอนทำน้ำมันมะพร้าวจากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) คุณพ่อเกิดจากครอบครัวชาวสวนมะพร้าวสุราษฎร์ จึงปิ๊งไอเดียนำมะพร้าวมาเพิ่มมูลค่า ธุรกิจของทรอปิคานาเริ่มต้นจากตรงนั้น ช่วงแรกที่ยังมีหนี้สิน คุณพ่อขอไปตั้งออฟฟิศกึ่งโรงงานที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ซึ่งให้เราใช้สถานที่โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เหมือนเรียนรู้ไปด้วยกัน ทรอปิคานาจึงเป็นโอทอปขนาดเล็ก ที่มีฝ่ายวิจัยและพัฒนาตั้งแต่แรก การพัฒนาสินค้าเป็นโฟกัสของเรา”
คุณณัฐณัยเล่าว่า ยุคแรกน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นของทรอปิคานา ขายผ่านงานแสดงสินค้าเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นงานโอทอป งานแสดงสินค้าเพื่อสุขภาพ กระแสความนิยมเกิดจากการแนะนำปากต่อปาก และเทรนด์จิบน้ำมันมะพร้าว ใช้น้ำมันมะพร้าวกลั้วคอ จนถูกนำไปวางขายในร้านเพื่อสุขภาพ เช่น ร้านชีวจิต ร้านเลมอนฟาร์ม ร้านดอยคำ พอช่องทางจำหน่ายขยายเข้าสู่ร้านค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า จนปลดหนี้ได้สำเร็จ ขยับสถานะสู่การเป็นบริษัท ทรอปิคานา ออยล์ จำกัด ในปี 2547
แม้จะยืน 1 และยืนหยัดมากว่า 28 ปี แต่ยอดขายของทรอปิคานายังไม่สูงนัก เนื่องจากตลาดน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นในไทยมีมูลค่าจำกัดราว 1,000 ล้านบาท ซึ่งทรอปิคานามีส่วนแบ่งอยู่ 20% “จุดอ่อนของน้ำมันมะพร้าวที่กรรมวิธีการผลิตไม่ดีพอ จะเหม็นหืน ทำให้ลูกค้าขยาด ถ้าสกัดเอาความชื้น-น้ำ ออกให้หมดจะไม่เหม็น แต่เพราะผู้ผลิตมีมากมาย ที่ผลิตตามบ้านก็เยอะ ทำให้สินค้าไม่ได้มาตรฐาน กระทบภาพรวมตลาด”
นอกจากนั้น คนไทยยังคุ้นชินกับมะพร้าวและกลิ่นของมัน จึงไม่รู้สึกแปลกใหม่ ทำให้น้ำมันจากพืชต่างประเทศเร้าใจกว่า ทั้งน้ำมันมะกอก ซึ่งทำการตลาดระดับโลก หรือน้ำมันลาเวนเดอร์ ลูกค้าที่คลั่งไคล้น้ำมันมะพร้าวส่วนใหญ่จึงเป็นต่างชาติ ยอดขายเกินครึ่งมาจากลูกค้าทั่วโลกที่สั่งซื้อซ้ำตลอดเวลา ตั้งแต่รัสเซีย เกาหลี ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ กัมพูชา
เพราะไม่อยากใส่ไข่ไว้ในตะกร้าใบเดียวและได้บทเรียนจากโควิด ที่ตลาดนักท่องเที่ยวหายไปพริบตา ทรอปิคานาจึงเริ่มขยายสายการผลิต เข้าสู่ตลาดเครื่องสำอาง ซึ่งมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาท ตรงนี้ได้ความเชี่ยวชาญของคุณณัฐณัย ในฐานะบัณฑิตสาขาวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง โดยนอกจากโปรดักส์ฮีโร่อย่างน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น สีเหลืองทองอร่ามจากส่วนผสมของเยื่อหุ้มกะลามะพร้าว สกัดด้วยวิธีพิเศษเพื่อให้ได้สารธรรมชาติ Monolaurin ที่พบในน้ำนมแม่ ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกายและไม่เหม็นหืนแล้ว
ทรอปิคานายังมีสินค้าหมวดความงามยอดนิยม เช่น บอดี้โลชัน มอยส์เจอไรเซอร์ ครีมหมักผม เซรั่มผม แชมพูและครีมนวดลดผมร่วง สบู่ ทำจากมะพร้าวออร์แกนิกสากล USDA EU Jas และ Korean ที่พร้อมสร้างการเติบโตใหม่ๆ
ด้วยปณิธานที่จะเติบโตไปกับเกษตรกร ความมุ่งมั่นในการพัฒนาสินค้าออร์แกนิก ที่ไม่แพ้ผู้ประกอบการชาติใดในโลก และการเป็นผู้ผลิต Zero Waste ใช้ประโยชน์จากทุกส่วนของมะพร้าว ทำให้ทรอปิคานาได้รับรางวัลมากมาย ได้แก่ รางวัล The Prime Minister’s Award ติดต่อกันหลายปีหลายสาขา, รางวัลธรรมาภิบาลดีเด่นจากธนาคารแห่งประเทศไทย, รางวัลใบโพธิ์อวอร์ดจากเอสซีบีและศศินทร์ และรางวัล Superiors Taste Award 2022 จากสถาบัน International Taste Institute เบลเยียม เป็นเครื่องการันตีรสชาติของน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นทรอปิคานา
ทั้งๆ ที่อยากเรียนดุริยางคศิลป์ แต่คุณณัฐณัย ซึ่งเชื่อฟังบิดา-มารดา แนะนำว่าควรเรียนสาขาที่จะต่อยอดธุรกิจครอบครัวได้ กำลังสนุกและท้าทายกับเส้นทางที่ไม่ได้เลือกตั้งแต่แรก
Business on my way ของเขายังมาจากสิ่งที่บิดายึดมั่นและถ่ายทอดต่อ นั่นคือความเรียบง่าย ประหยัด ซื่อสัตย์ สามัคคี มีวินัย และใฝ่คุณธรรม.
เลดี้แจน
คลิกอ่านคอลัมน์ "Business On My Way" เพิ่มเติม