จากยาสมุนไพรตำรับโบราณ สู่สินค้าอุปโภคบริโภคที่หลายคนคุ้นเคย
จากร้านขายยาเล็กๆ หนึ่งคูหา ชื่อว่า “เต๊กเฮงหยู” สู่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
จากวันนั้นถึงวันนี้…คือความภาคภูมิใจที่เติบโตสู่สังคมไทย
เรากำลังพูดถึงอาณาจักรใหญ่ ที่ตั้งอยู่ย่านรามคำแหง บริษัทที่หากเอ่ยชื่อแบรนด์สินค้าใด สินค้าหนึ่ง ทุกคนคงจะรู้จักกันเป็นอย่างดี “โอสถสภา” องค์กรไทยที่มีอายุอานามมากถึง 134 ปี
องค์กรที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาทุกยุคทุกสมัย พัฒนาสินค้าเรียกได้ว่าครอบจักรวาลเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็น ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม ลิโพ, M-150, เปปทีน, คาลพิสแลคโตะ, C-vit, SHARK ต่อมาของใช้ส่วนบุคคล อย่าง ทเวลฟ์พลัส, เบบี้มายด์, เอ็กซิท รวมทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและลูกอม เช่น ยากฤษณากลั่น ตรากิเลน, อุทัยทิพย์, โบตัน, โอเล่, ทันใจ, Banner
ซึ่งหากคุณอ่านมาจนถึงตรงนี้ แน่นอนว่าพอจะทราบแล้วว่า สิ่งสำคัญที่ทำให้โอสถสภายังคงดำเนินธุรกิจอยู่คู่คนไทยมาได้ยาวนานนับศตวรรษ นั่นคือ การปรับตัวให้สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป สินค้าที่มีคุณภาพ ทีมงานที่แข็งแกร่ง และสุดท้ายคือ การดำเนินธุรกิจภายใต้ผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ แม้จะมีการเปลี่ยนผ่านผู้บริหารรุ่นสู่รุ่นมากว่า 4 เจเนอเรชันก็ตาม
ปัจจุบันผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของการทำธุรกิจนี้ คือ แม่ทัพหญิงอย่าง “วรรณิภา ภักดีบุตร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP
ซึ่งในครั้งนี้ บมจ. โอสถสภา หรือ OSP ได้เปิดแผนยุทธศาสตร์ปี 2025 เดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจหลัก ตอกย้ำกลยุทธ์ความหลากหลายของกลุ่มผลิตภัณฑ์ (Brand Portfolio) ตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มต่างๆ เร่งเครื่องผลักดันธุรกิจเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและลูกอมให้เติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และการตลาด พร้อมเสริมทัพทีมผู้บริหารตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำตลาดสินค้าอุปโภคของไทย
วรรณิภา กล่าวว่า โอสถสภามีจุดแข็งในการมีพอร์ตโฟลิโอสินค้าที่หลากหลาย พร้อมเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ตอบรับความต้องการของ Gen Z, มิลเลนเนียล และผู้สูงอายุ และเทรนด์ด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี โดยเริ่มจากการผลักดันการเติบโตของตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลัง และตอกย้ำตำแหน่งผู้นำอันดับ 1 ของ M-150 ที่อยู่คู่คนไทย ภายใต้ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ หลากหลายราคา ตั้งแต่ M-150 ขวดแก้วราคา 12 บาท, รสน้ำผึ้งราคา 10 บาท, M-Sparkling ในรูปแบบกระป๋องอัดก๊าซ ราคา 20 บาท
และล่าสุดออกแคมเปญฉลอง 40 ปี M-150 ฝาเหลืองลิมิเต็ดเอดิชันราคา 10 บาท เพื่อตอบแทนผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มต่างจังหวัดที่ได้รับความกดดันด้านรายได้ นอกจากนี้ บริษัทยังได้เตรียมแผนสร้างการเติบโตให้กลุ่มผลิตภัณฑ์ M-150 ต่อเนื่องตลอดปี พร้อมขยายช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ๆ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึง
ทั้งนี้ในส่วนของ M-150 ฝาเหลือง ราคา 10 บาทเป็นเกมโปรโมชั่นที่จะดึงดูดคนให้มาสนใจ ไม่ต่างจากการไปจับมือกับหมีเนย ซึ่งไม่ได้มองว่าเป็นการตัดราคาแต่อย่างใด และเพื่อผลักดันให้สัดส่วนทางการตลาดกลับไปอยู่ในระดับเดิม
ขณะที่พอร์ตเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์ได้มีการเร่งขยาย เพื่อให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่และเทรนด์สุขภาพ โดยมี ”ซีวิท” ซึ่งโอสถสภาเป็นผู้นำอันดับ 1 ในตลาดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของวิตามินซี และ “เปปทีน” ผู้นำในตลาดเครื่องดื่มบำรุงสมองและกำลังเติบโต ในขณะที่เครื่องดื่มคาลพิสก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และยังเตรียมส่งนวัตกรรมเครื่องดื่มออกสู่ตลาดอีกมากมาย อาทิ เครื่องดื่มแก้แฮงค์ซึ่งมีโอกาสและศักยภาพสูง สอดรับกับมูลค่าตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศไทยที่ยังคงขยายตัวต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และไลฟ์สไตล์การดื่มสังสรรค์ที่เริ่มกลับมาอีกครั้ง
กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล นำโดย “เบบี้มายด์” ผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์อาบน้ำสำหรับเด็ก และกำลังก้าวขึ้นชิงตำแหน่งผู้นำตลาดแป้งเด็ก พร้อมต่อยอดจุดแข็ง “ความอ่อนโยนและความหอม” ขยายสู่กลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ อาทิ เบบี้มายด์ แอนด์ บียอนด์ ที่ขยายตลาดให้ครอบคลุมทุกคนในครอบครัว และสร้างสรรค์กลยุทธ์การตลาดที่นำเทรนด์เช่น Trendsetter collaboration กับ น้องหมีเนย Butterbear ในปีที่ผ่านมา ในขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลมีการเติบโตที่ดีต่อเนื่องในตลาดต่างประเทศ
สร้างการเติบโตของธุรกิจเครื่องดื่มในต่างประเทศ เพิ่มโอกาสทางธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นอกเหนือจากเมียนมาและลาว ที่โอสถสภาเป็นผู้นำอันดับ 1 ล่าสุดก็ได้มีการรุกตลาดสู่เวียดนามซึ่งมีศักยภาพและอัตราการเติบโตสูง โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มแบบ 2-in-1 Energy + Rehydration เพื่อสร้างความแตกต่างและตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่ในเวียดนาม โดยคาดว่าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศในปี 2568 จะอยู่ที่ 25%
วรรณิภา กล่าวต่อไปว่า โอสถสภา ได้ปรับเปลี่ยนองค์กรให้มีโครงสร้างและกระบวนการทำงานเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต เสริมทีมผู้บริหารด้านธุรกิจเครื่องดื่มโดยเฉพาะ เปลี่ยนจากการบริหารแบบ Functional structure สู่ Category structure อย่างชัดเจนเพื่อเสริมศักยภาพและเพิ่มความคล่องตัว
พร้อมกับประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเครื่องดื่มในประเทศ นำทัพกำหนดทิศทางและวางกลยุทธ์ธุรกิจเครื่องดื่ม เสริมด้วย Chief Marketing & Innovation Officer นำทีมการวิจัยการตลาดและพัฒนาผลิตภัณฑ์, Chief Consumer & Category Officer ดูแลการตลาดและ Trade Marketing และ Chief Customer & Channel Officer พัฒนาและขยายศักยภาพช่องทางการจัดจำหน่าย
นอกจากนี้โอสถสภายังได้ทรานส์ฟอร์มองค์กร เพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน ใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาบริหารจัดการข้อมูลและกระบวนการทำงาน ผลักดันเป้าหมายด้านความยั่งยืนอย่างเข้มข้น พร้อมเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรผ่านโมเดล "ACT" ซึ่งมุ่งเน้น Achievement (ความสำเร็จ), Consumer Focus (ชนะใจลูกค้า) และ Teamwork (คว้าชัยเป็นทีม) ที่จะทำให้พนักงานและองค์กรสามารถปรับตัว เติบโต และเผชิญความท้าทายที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว
“โอสถสภาไม่ได้มองเพียงแค่การเติบโตในระยะสั้น แต่เราให้ความสำคัญกับการวางรากฐานเพื่อสร้างธุรกิจแห่งอนาคตด้วยแนวคิด Human Touch with Right Technology ที่ผสานความเข้าใจผู้บริโภคอย่างลึกซึ้งเข้ากับการเลือกใช้เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาดซึ่งจะเป็นจุดแข็งที่ทำให้โอสถสภาตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย สร้างประสบการณ์ที่เหนือกว่า และเชื่อมต่อแบรนด์เข้ากับวิถีชีวิตผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างลงตัว ซึ่งจะทำให้โอสถสภาครองความเป็นผู้นำ และก้าวสู่เป้าหมายการเติบโตระยะยาวที่ตั้งไว้” วรรณิภา กล่าว
ทั้งนี้โอสถสภา ยังคงยืนยันเป้าหมายที่จะเพิ่มรายได้เป็น 40,000 ล้านบาท ภายในปี 2571 โดยคิดเป็นการเติบโตเฉลี่ย 9% ต่อปี ด้วยการสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลัก ขณะเดียวกันการควบรวมกิจการ (M&A) ยังคงเป็นกลยุทธ์หลักของบริษัทฯ ส่วนทางด้านต้นทุนนั้น วรรณิภา ชี้ว่า ปัจจุบันมีการปรับลดลงมาพอสมควร
ส่วนประเด็นความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP ที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง จนต่ำกว่าราคา IPO ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา วรรณิภา ให้ความเห็นว่า เป็นเพราะตลาดเกิดความกังวลในเรื่องของการทำโปรโมชั่น ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่ยืนยันว่า เป็นเพียงแค่การทำตลาดทั่วไปเท่านั้น