บทสำเร็จ “วลินธร เลาหวิรภาพ” สร้างคุณค่าของสินค้าด้วยความเข้าใจ

“วลินธร เลาหวิรภาพ” หรือ “หมอเมย์” ทันตแพทย์ ผู้เคยใช้ชีวิตอยู่ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาเป็นเวลากว่า 18 ปี มีประสบการณ์ทำงานเป็นทันตแพทย์ในชิคาโก หลังจบการศึกษาด้านทันตกรรมจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก (NYU) และได้ตัดสินใจกลับมาใช้ชีวิตครอบครัวในเมืองไทยเมื่อปี 2560 ในวัย 32 ปี

นอกจากการเป็น “ทันตแพทย์” แล้ว “หมอเมย์” เมื่อกลับมาอยู่เมืองไทย มีความคิดอยากทำธุรกิจ อยากเริ่มขายของ แต่ยังไม่รู้จะขายอะไร จึงนึกถึงสิ่งของใกล้ตัวที่เธอรู้จัก รู้ความต้องการและเข้าใจผู้ใช้มากที่สุด ประกอบกับตั้งแต่กลับมาทำงานในเมืองไทยเธอพบว่าแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ในเมืองไทยส่วนใหญ่ใส่ชุดเหมือนคนทำงานออฟฟิศทั่วไป และใส่ชุดกาวน์สีขาว ซึ่งเป็นที่คุ้นตาในยามปฏิบัติหน้าที่

แต่แทบไม่มีใครใส่ชุด “SCRUBS” ที่เธอคุ้นเคยมาตลอดของการทำงานเป็นบุคลากรทางการแพทย์ในต่างประเทศ ซึ่งเป็นที่นิยมและมีการใส่เป็นปกติทุกวัน หากนึกภาพไม่ออกว่าชุด “SCRUBS” เป็นอย่างไร ให้นึกถึงชุดคุณหมอในซีรีส์เกาหลีที่คุ้นตา

“หมอเมย์” เล่าว่า เธอจำความรู้สึกครั้งแรกที่ได้ ใส่ชุด “SCRUBS” เมื่อครั้งที่เป็นนักศึกษาทันตแพทย์จบใหม่และต้องออกปฏิบัติงานในโรงพยาบาล เธอรู้สึกภูมิใจในตัวเองมาก ในทุกครั้งที่อยู่ภายใต้ชุด “SCRUBS” ที่ถือเป็น “ยูนิฟอร์ม” หรือสัญลักษณ์ ที่ทำให้คนทั่วไปรู้ว่าเราคือหมอหรือบุคลากรทางการแพทย์นอกเหนือจากชุดกาวน์สีขาวทั่วไป

ดังนั้น ในปี 63 หรือ 3 ปี หลังกลับเมืองไทย “หมอเมย์” จึงตัดสินใจ ผลิตชุด “SCRUBS” ขาย โดยใช้ประสบการณ์และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความต้องการของผู้สวมใส่ จึงกำหนดคุณสมบัติชุด “SCRUBS” ของเธอว่าต้องเป็นชุดที่สวมใส่เบาสบายที่สุด และสะดวกแก่การทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งเป็นผ้าที่ไม่มีในไทย ต้องสั่งทอเป็นพิเศษโดยใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ในที่สุดก็ได้โรงงานผลิตผ้าแห่งหนึ่งในต่างประเทศ โดยผลิตผ้าที่สามารถยืดหยุ่นได้ทั้ง 4 ทิศทาง เป็นผ้าสะท้อนน้ำหรือไม่ซึมน้ำง่าย เนียนเบาสบายไม่ระคายผิว ซักแห้งไวและที่สำคัญไม่ต้องรีด

ขณะที่เธอได้เลือกโรงงานขนาดใหญ่ที่มีมาตรฐานในไทยเป็นผู้ตัดเย็บให้ ภายใต้การดีไซน์แบบให้ดูดี ทันสมัย มีความแฟชั่น ขณะที่ยังคงความเรียบง่าย สุภาพ สวยงาม และบ่งบอกความเป็นบุคลากรทางการแพทย์ ที่ทำให้ผู้สวมใส่รู้สึกรักและภูมิใจเมื่อสวมใส่ชุดนี้

เพียงครั้งแรกที่เธอเริ่มโพสต์ขายชุด “SCRUBS” ยี่ห้อ REKA ในโซเชียลมีเดีย ปรากฏว่าได้การตอบรับอย่างดี โดยมีคำสั่งซื้อจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นหมอและทันตแพทย์ ทั้งที่อยู่ในโรงพยาบาลและคลินิกต่างๆ หลังจากนั้นไม่กี่เดือน REKA ก็มาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญคือช่วงที่โควิดระบาดและที่บุคลากรทางการแพทย์ต้องไปรวมตัวกันเพื่อฉีดวัคซีนในที่ต่างๆที่ทางการจัดให้ ปรากฏว่า แพทย์จากที่ต่างๆ ต่างใส่ชุด “SCRUBS” หลากหลายสีสันของเธอมาเจอกัน และถ่ายรูปโพสต์ขึ้นในโซเชียลมีเดีย กลายเป็นแฟชั่น ขณะเดียวกันเธอก็ได้รับคำสั่งซื้อเข้ามาจำนวนมาก!!

“ถือว่าเราได้บุกเบิก เปลี่ยนวัฒนธรรมการแต่งกายของแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ในไทย ทำให้ชุด Scrubs กลายเป็นเครื่องแต่งกายที่พบเห็นได้ทั่วไปในโรงพยาบาลและคลินิก โดยนำแฟชั่นใส่เข้าไปเหมือนในต่างประเทศ แต่ยังคงความเรียบง่าย สง่างามและสะดวกในการปฏิบัติทำงาน”

ทำให้ปัจจุบัน 5 ปีของการทำธุรกิจนี้ มีหมอและบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลขนาดใหญ่และเล็ก ทั้งในภาครัฐและเอกชน คลินิกความงาม รวมทั้งนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 4-6 ในโรงเรียนแพทย์ ได้เลือกใช้ชุด “SCRUBS” ของเธอ เป็นยูนิฟอร์มในการปฏิบัติงานในโรงพยาบาล ด้วยยอดขายปีละหลายสิบล้านบาท และเติบโตก้าวกระโดดขึ้นทุกปี!!

แม้เราจะเป็นรายแรกที่เข้ามาบุกเบิกชุด “SCRUBS” ทำให้ปัจจุบันมีคู่แข่งรายอื่นๆเข้ามาในธุรกิจนี้จำนวนมาก แต่เรายังคงเป็นผู้นำแบรนด์อันดับ 1 โดยปัจจุบันนอกจากชุด Scrubs ที่มีหลายคอลเลกชัน หลากสีสันแล้ว ยังได้ขยายมาผลิตชุดกาวน์ และล่าสุด ได้ร่วมมือกับ Ellis by ฟรัง เพื่อเปิดตัวชุดสูทที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับแพทย์

เมื่อถามถึง KEY ของความสำเร็จในวันนี้ เธอบอกว่า เพราะสินค้าถูกออกแบบด้วยความเข้าใจในคุณค่าความเป็นบุคลากรทางการแพทย์ และในชีวิตประจำวัน ถือเป็นประสบการณ์ตรงของเธอ ขณะที่ยังใส่ใจกับการผลิตสินค้าคุณภาพสูงจาก Hi-Tech specialty fabric ที่มีคุณสมบัติเหมาะกับการใช้งานและ life style ของบุคลากรการแพทย์และการตัดเย็บที่ประณีตสูงสุด

“หมอเมย์” ย้ำว่าเธอต้องการให้ Reka เป็นเสื้อผ้าที่ทำให้ทุกคนที่สวมใส่รู้สึกถึงคุณค่าในอาชีพ ความภูมิใจและความสุขในการทำงาน

เธอมีเป้าหมายที่จะให้บุคลากรการแพทย์ในทุกสาขา ได้ใส่ชุดทำงานที่มีคุณภาพสูงและทันสมัย ทัดเทียมระดับสากล และต้องการให้ Reka เป็น แบรนด์ Medical apparel อันดับหนึ่งในใจแพทย์ ทันตแพทย์ สัตวแพทย์ เภสัชกร และพยาบาล รวมถึงบุคลากรการแพทย์สาขาอื่นๆในไทยอย่างยั่งยืน และจะขยายตลาดออกไปครองใจบุคลากรการแพทย์ใน Asia Pacific ให้ได้ภายใน 3 ปีนี้!!

เลดี้แจน

คลิกอ่านคอลัมน์ “Business on my way” เพิ่มเติม