อากาศร้อนผิดปกติ ฝนตกผิดฤดูกาล ไฟป่า น้ำท่วม มลพิษทางอากาศ “ความแปรปรวน” นี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนหนึ่งมาจากภาวะโลกร้อนที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี และหนึ่งในจิ๊กซอว์สำคัญของหนังสือ “โลกรวน” นี้คงหนีไม่พ้น “เงื้อมมือของมนุษย์”
เรากำลังพูดถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เป็นหนึ่งในความท้าทายระดับโลก ซึ่งทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันรับมือ โดยประเทศไทยได้เข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP 26) พร้อมประกาศเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2065
ซึ่งถือเป็นหมุดหมายสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศสู่ความยั่งยืน หนึ่งในแนวทางสำคัญที่ช่วยผลักดันเป้าหมายนี้ได้ง่าย ๆ คือ การที่เราทุกคนเลือกใช้สินค้าฉลากรักษ์โลกหรือฉลากสิ่งแวดล้อม สะท้อนถึงแนวทางการผลิตและการบริโภคที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (SDGs)
อย่างไรก็ตาม ด้วยจำนวนและความหลากหลายของฉลากสิ่งแวดล้อมที่มีอยู่ อาจทำให้ผู้บริโภคจดจำและเลือกซื้อสินค้าเหล่านี้ได้ยาก หอการค้าไทยจึงมุ่งหาแนวทางที่ช่วยให้การเข้าถึงสินค้ารักษ์โลกเป็นเรื่องง่าย ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถมองหาและเลือกซื้อสินค้ารักษ์โลกได้สะดวกยิ่งขึ้น
คณะกรรมการพลังงาน หอการค้าไทย จึงได้ร่วมกับ กลุ่มเซ็นทรัล นำโดย เซ็นทรัล รีเทล พร้อมด้วยภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชน เปิดตัวโครงการ ฮักโลก (Hug The Earth) เดินหน้ามุ่งสร้างโลกสีเขียวอย่างยั่งยืน ชวนลูกค้าช้อปสินค้ารักษ์โลกที่มีฉลากสิ่งแวดล้อมหรือฉลากรักษ์โลกได้สะดวกยิ่งขึ้น
โดยสินค้าที่มีฉลากสิ่งแวดล้อมจะถูกคัดสรรและรวบรวมไว้ในพื้นที่จำหน่ายหรือจุดแสดงสินค้าของธุรกิจในเครือเซ็นทรัลรีเทล เพียงสังเกตสัญลักษณ์โครงการ “ฮักโลก” (Hug The Earth) ส่งผลให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อสินค้ารักษ์โลกได้ง่ายขึ้น
พร้อมมั่นใจได้ว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง เซ็นทรัล รีเทล ผู้นำค้าปลีก-ค้าส่งชั้นนำของไทย นับเป็นรีเทลรายแรกของประเทศไทยที่นำร่องโครงการดังกล่าว ทั้งนี้ โครงการฮักโลกจะถูกขยายผลความสำเร็จโดยหอการค้าไทยสู่ภาคค้าปลีกและสมาชิกหอการค้าฯ รวมทั้งเครือข่ายทั่วประเทศต่อไป เพื่อร่วมขับเคลื่อนให้การเลือกซื้อสินค้าฉลากรักษ์โลกกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของสังคมไทยร่วมกัน
สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หอการค้าไทย ในฐานะองค์กรภาคเอกชนไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจ ภาครัฐ และภาคประชาสังคม เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ด้วยแนวคิด “Connect-Competitive-Sustainable” โดยเฉพาะในมิติของ Sustainable ที่เน้นยกระดับมาตรฐานใหม่สำหรับผู้ประกอบการด้วยการให้ความสำคัญกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) โดยมีเป้าหมายเพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ระบบเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติ
โดยโครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสร้างความตระหนักรู้แก่ผู้บริโภคและผู้ประกอบการถึงความสำคัญของสินค้ารักษ์โลก รวมทั้งเพิ่มความสะดวกสบายโดยให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมรักษ์โลกได้ง่ายขึ้น ด้วยการเลือกช้อปสินค้าฉลากรักษ์โลก ซึ่งถูกรวบรวมไว้ในพื้นที่จัดจำหน่าย ภายใต้สัญลักษณ์โครงการฮักโลก (Hug The Earth)
พิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหารกลุ่มเซ็นทรัล และกรรมการและกรรมการบรรษัทภิบาลและการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า "กลุ่มเซ็นทรัลให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ตั้งแต่ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจโรงแรม อสังหาริมทรัพย์ ไปจนถึงธุรกิจบริการ โดยมีเป้าหมายในการสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม เราเชื่อมั่นว่าการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนจะเกิดขึ้นได้ด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วน และการสนับสนุนให้เกิดพฤติกรรมการบริโภคที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเป้าหมายนี้”
นับเป็นองค์กรค้าปลีกรายแรกของประเทศไทยที่คิกออฟโครงการนี้ โดยผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อสินค้าที่มีฉลากรักษ์โลกที่มีอยู่มากมายได้ง่ายและสะดวกสบายยิ่งขึ้น เพียงแค่สังเกตสัญลักษณ์โครงการ “ฮักโลก” (Hug The Earth) ซึ่งเป็นรูปมือกำลังโอบกอดโลก สื่อถึงความใส่ใจต่อโลกอย่างยั่งยืน ถูกรวบรวมไว้ในพื้นที่จำหน่ายหรือจุดแสดงสินค้าของห้างสรรพสินค้าและร้านค้าในเครือเซ็นทรัล รีเทล อาทิ ไทวัสดุ, เพาเวอร์บาย, เซ็นทรัล, โรบินสัน, ท็อปส์, โก โฮลเซลล์, บีทูเอส, ออฟฟิศเมท, ซูเปอร์สปอร์ต, ซีเอ็มจี เป็นต้น โดยรวมกว่า 3,000 SKUS ภายใต้แบรนด์ของเซ็นทรัลกว่า 60 แบรนด์
ตรงจุดนี้เองจะเป็นการช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อกรีนโปรดักส์ได้ง่ายขึ้น และมั่นใจได้ว่าสินค้าดังกล่าวเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง อีกทั้งยังจุดชนวนสำคัญที่ทำให้ผู้ประกอบการให้ความสำคัญกับการผลิตและจำหน่ายสินค้าที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมออกมาอีกด้วย
ทั้งหมดนี้จึงไม่ใช่เพียงแค่การขายสินค้าตามเทรนด์ ตามกระแสเท่านั้น แต่เป็นการสร้างการตระหนักรู้ และมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง อย่างไรก็ดี อีกหนึ่งประเด็นที่จะต้องจับตาคือ ผู้บริโภคหลายคนมักมองว่า สินค้ารักษ์โลกมีราคาสูงจนเกินรายจ่าย ดีไซน์ไม่เตะตา แฟชั่น
นั่นจึงทำให้ที่ผ่าน ๆ มาผลิตภัณฑ์รักษ์โลกจึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนัก หากมีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ให้ทันสมัย ลดต้นทุนการผลิตที่สูง แล้วทำให้ราคาสินค้าราคาลดลงตามมาด้วยอาจจะเป็นอีกหนึ่งแรงจูงใจที่จะทำให้ผู้บริโภคหันกลับมามองสินค้ารักษ์โลกเพิ่มขึ้นก็เป็นได้ ดังคำกล่าวที่ว่า "โลกสวยด้วยมือเรา" เห็นจะเป็นจริงเช่นนั้น.
ติดตามข่าวสารด้านการตลาด กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/business_marketing
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney