คนไทยฮิตกินอาหารญี่ปุ่น แห่เปิดร้าน นำเข้าปลาดิบพุ่งอันดับ 7 โลก

เจโทร กรุงเทพฯ เผยปี 67 คนไทยฮิตอาหารญี่ปุ่น แห่นำเข้าสินค้าเกษตร ประมงและอาหารจากญี่ปุ่น โดยเฉพาะปลาดิบ เป็นอันดับ 7 ของโลก ช่วง 11 เดือนนำเข้าแล้วเกือบ 6 หมื่นล้านเยน พร้อมแห่เปิดร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยเพิ่ม 165 รวมเฉียด 6 พันร้านทั่วประเทศ เมินการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น

นายจุน คุโรดะ ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) กรุงเทพฯ เปิดเผยถึงผลการสำรวจร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยประจำปี 67 ว่า แม้การแข่งขันในธุรกิจร้านอาหารโดยรวมในไทย รวมถึงร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยทวีความรุนแรงขึ้น แต่ผลสำรวจพบว่าปี 67 มีร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยเปิดเพิ่มขึ้น 165 ร้าน มาอยู่ที่ 5,916 ร้าน หรือเพิ่มขึ้น 2.9% เทียบกับการสำรวจปี 66 ที่มี 5,751 ร้าน โดยมีจำนวนร้านเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ เป็นกรุงเทพฯเพิ่มขึ้น 2.7%, 5 จังหวัดปริมณฑลเพิ่ม 2.7% และต่างจังหวัดเพิ่ม 3.1% ซึ่งในต่างจังหวัดนั้น เชียงใหม่เพิ่มขึ้นมากที่สุด 23 ร้าน รวมเป็น 280 ร้าน ตามด้วยนครปฐมเพิ่ม 15 ร้าน รวม 104 ร้าน และภูเก็ตเพิ่ม 11 ร้าน รวม 142 ร้าน

ทั้งนี้ ส่งผลให้ช่วง 11 เดือน ปี 67 ไทยเป็นผู้นำเข้าสินค้าเกษตร ประมง และอาหารจากญี่ปุ่นเป็นอันดับที่ 7 ของโลก ด้วยมูลค่า 57,200 ล้านเยน เพิ่มขึ้น 23.2% เทียบช่วงเดียวกันของปี 66 ที่มีมูลค่า 46,500 ล้านเยน โดยอันดับ 1-6 ได้แก่ สหรัฐฯ ฮ่องกง จีน ไต้หวัน เกาหลีใต้ และเวียดนาม ส่วนสินค้า 10 อันดับแรกที่นำเข้าสูงสุด ได้แก่ ปลาคัดสึโอะและปลาจำพวกมากุโระ, ปลาซาร์ดีน, หอยเชลล์, เนื้อวัว, หนังหมู, ซอสปรุงรส, ปลาซาบะ, ปลาแซลมอน ปลาเทราท์, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และไข่มุก “จากการสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องพบว่า คนไทยรับประทานอาหารญี่ปุ่นมาเป็นเวลานาน จึงคุ้นเคยกับอาหารญี่ปุ่น ดังนั้น ความต้องการบริโภคอาหารญี่ปุ่นจึงจะยังคงมีอยู่ต่อไป อีกทั้งคนไทยเดินทางไปเยือนญี่ปุ่นมากขึ้น ทำให้ได้รับความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับอาหารญี่ปุ่นมากขึ้น ส่งผลให้เกิดความต้องการบริโภคอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมและค้นหาเทรนด์ใหม่ๆของอาหารญี่ปุ่นเพิ่มมากยิ่งขึ้น”

สำหรับร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยปี 67 นั้น เมื่อวิเคราะห์ตามประเภทร้านอาหารพบว่าร้านประเภทโซบะ/อุด้ง, ร้านคาเฟ่ และร้าน Izakaya มีอัตราการเพิ่มขึ้นมากที่สุดถึง 16.1%, 13.1% และ 9.8% ตามลำดับ หรือรวมมีร้านทั้งหมด 36,329 และ 480 ร้าน แต่ร้านซูชิ ซึ่งมีจำนวนร้านมากที่สุดตั้งแต่ปี 63-66 ลดลงเหลือ 1,279 ร้าน หรือลดลง 6.8% มาอยู่อันดับ 2 รองจากร้านประเภทภัตตาคารอาหารญี่ปุ่น ซึ่งมีจำนวนมากที่สุดคือ 1,439 ร้าน “จากการสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องกับธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น หลายท่านให้ความเห็นว่า หลายปีที่ผ่านมา มีร้านซูชิคุณภาพดีและราคาไม่แพงเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคต้องการซูชิที่มีคุณภาพดียิ่งขึ้นกว่าในอดีต จึงเกิดผลกระทบต่อร้านซูชิที่แข่งขันด้านราคา และอาจเป็นสาเหตุทำให้ร้านซูชิมีลดลง”

นอกจากนี้ เมื่อวิเคราะห์ร้านตามระดับราคาเฉลี่ยต่อหัวพบว่า ร้านที่มีราคาเฉลี่ยต่อหัว 101-250 บาท มีจำนวนมากที่สุดถึง 2,057 ร้าน รองลงมา คือ 251-500 บาท มี 1,401 ร้าน ตามด้วยต่ำกว่า 100 บาท มี 749 ร้าน, ราคา 501-1,000 บาท มี 681 ร้าน และมากกว่า 1,000 บาท มี 270 ร้าน โดยร้านที่ราคามากกว่า 1,000 บาท มีอัตราเพิ่มมากขึ้นถึง 13.9%.

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” เพิ่มเติม