วี ฟาร์ม x ไร่สุวรรณ แบรนด์นมข้าวโพดน้องใหม่ เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรไทย ส่งขายร้านสะดวกซื้อ

Business & Marketing

Marketing

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

วี ฟาร์ม x ไร่สุวรรณ แบรนด์นมข้าวโพดน้องใหม่ เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรไทย ส่งขายร้านสะดวกซื้อ

Date Time: 28 ส.ค. 2567 16:04 น.

Video

“The Summer Coffee Company” มากกว่า เครื่องดื่ม คือ ความสุข | Brand Story Exclusive EP.3

Summary

  • ไม่ต้องไปไกลถึงปากช่อง! “วี ฟาร์ม” ฉลอง 10 ปี จับมือ “ไร่สุวรรณ” คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เขย่าตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ นมที่ทำจากพืช ส่งน้ำนมข้าวโพดน้องใหม่ “วี ฟาร์ม x ไร่สุวรรณ” อร่อย สะดวก ดีต่อสุขภาพ สดใหม่เหมือนดื่มจากหน้าไร่ปากช่อง สู่ 7-Eleven

Latest


หลายคนอาจสงสัยว่าข้าวโพดที่วางเรียงรายอยู่บนชั้นวางของใน 7-Eleven ไม่ว่าจะเป็นแบบฝัก แบบถ้วย หรือจะน้ำนมข้าวโพดที่เราคุ้นตากันนั้นมาจากไหน คำตอบก็คือ บริษัท วี ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตสินค้าแบรนด์ วี ฟาร์ม

ซึ่งเจ้าของก็คือ "อภิรักษ์ โกษะโยธิน" ที่คนส่วนใหญ่อาจคุ้นหน้าคุ้นตาชายผู้นี้เป็นอย่างดี ในฐานะอดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และอดีตผู้บริหารมืออาชีพ ที่ผ่านการร่วมงานกับองค์กรชั้นนำทั้งของไทยและระดับโลกมาแล้วมากมาย อาทิ GMM Grammy, ทีเอ ออเร้นจ์ ที่ปัจจุบันคือ "ทรูมูฟเอช"

เก้าอี้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของชายชื่อ “อภิรักษ์”

อภิรักษ์ เล่าว่า ก่อนจะมาลงเอยที่ธุรกิจ SME ตัวเขาเองได้ไปชิมลางทั้งองค์กรขนาดใหญ่และเส้นทางการเมือง จนกระทั่งมาปักหลักที่ธุรกิจข้าวโพด ที่ปัจจุบันรวมระยะเวลาแล้วกว่า 10 ปี

นั่นก็เพราะมีความสนใจในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ รวมทั้งได้ไปเจองานวิจัยเกี่ยวกับ “ข้าวโพด” ซึ่งตีพิมพ์โดยมหาวิทยาลัยคอร์เนล ที่ชี้ว่าข้าวโพดมีคุณค่าทางโภชนาการสูง จึงได้ให้ความสนใจและอยากจะทำให้เกิดคุณค่าที่เพิ่มขึ้น

โดยที่ยอดขายปีนี้คาดว่าจะเติบโต 250 ล้านบาท ส่วนปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 200 ล้านบาท ขณะที่พระเอกของเรื่องคือ “น้ำนมข้าวโพด” ภายใต้แบรนด์วี ฟาร์ม ที่มียอดขายเติบโตเกือบ 3 เท่า โดยยอดขายเฉลี่ยอยู่ที่ 8,000-9,000 ขวดต่อวัน มีการเติบโตของส่วนแบ่งการตลาดในช่องทางร้านสะดวกซื้อเพิ่มขึ้นเกือบ 15 จุด ซึ่งส่วนใหญ่จำหน่ายใน 7-Eleven เป็นหลักกว่า 95%

ส่งตรงจากฟาร์มถึงมือผู้บริโภค

ทำให้วี ฟาร์มเป็นเจ้าตลาดน้ำนมข้าวโพดในช่องทางร้านค้าสะดวกซื้อ ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดถึง 64% ใน 12 เดือนที่ผ่านมา เทียบกับไลน์โปรดักส์ของบริษัทฯ ทั้งหมด น้ำนมข้าวโพดมีสัดส่วนรายได้ที่ประมาณ 20% ซึ่งถือว่าเติบโตได้อย่างโดดเด่น แต่จะพีคสุดคือ 30% ในช่วงเทศกาลกินเจ และด้วยการเติบโตที่ต่อเนื่องนี้ มีปัจจัยมาจากการเลือกวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยมจากเกษตรกรไทย รวมถึงการทำตลาดที่มุ่งเน้นทั้งช่องทางออนไลน์ ออฟไลน์ และการเข้าถึงผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพได้อย่างแท้จริง

ขณะที่กลุ่มสินค้าอื่นๆ ในพอร์ตแบ่งเป็นข้าวโพดหวานพร้อมทาน 65% น้ำนมข้าวโพด 20% และที่เหลือคือ แสน็ก อย่างกล้วยหอมทองอบเนย อบกรอบ กล้วยตากประมาณ 14% ที่เหลือเป็นส่งออกและตลาดอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มประเทศอาเซียน, CLMV รวมทั้งในอนาคตกำลังขยายสู่ Food Service ที่จะได้เห็นภายในปลายปี 67

ตลาดนมทางเลือกทั่วโลกโตแรงกว่า 13%

อภิรักษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีที่ผ่านมาตลาดน้ำนมจากพืช (Plant-based Milk) เติบโตอย่างต่อเนื่องราว 8-9% ซึ่งเป็นอัตราเติบโตที่เร็วกว่านมวัวที่โตเพียง 6% ขณะที่งานวิจัยในต่างประเทศมีการระบุว่าตลาดผลิตภัณฑ์นมทางเลือกทั่วโลกจะเติบโตที่ 13% CAGR จนถึงปี 2573

โดยได้รับแรงผลักดันจากเทรนด์การบริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เทรนด์การบริโภควีแกน แพลนต์เบส และภาวะการแพ้แลคโตสจากนมวัวที่เพิ่มขึ้น สำหรับการเติบโตที่เกิดขึ้นนี้ ตัวแปรที่สำคัญคือผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรซึ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนตลาด และเป็นกลไกต่อการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นของหลายแบรนด์สินค้า

“แต่หากพูดถึงนมทางเลือก แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม โดยอันดับหนึ่งคือนมถั่วเหลือง สองคือนมถั่ว อาทิ พิสตาชิโอ อัลมอนด์ และสุดท้ายคือ ธัญพืช ที่มีโอ๊ตและข้าวโพด”

จึงเป็นเหตุผลให้เกิดความร่วมมือกับ ศูนย์วิจัยข้าวโพดและข้าวฟ่างแห่งชาติ (ไร่สุวรรณ) คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผ่านการออกโปรดักส์ใหม่ “น้ำนมข้าวโพดวี ฟาร์ม x ไร่สุวรรณ” ที่บริษัทฯ ต้องการตอกย้ำภาพ 2 ผู้นำตลาดน้ำนมข้าวโพดและข้าวโพดหวานพร้อมทาน ที่แม้จะอยู่ในคนละพื้นที่ แต่สามารถส่งต่อสินค้าดี มีคุณภาพได้อย่างทั่วถึง โดยเพิ่มความสะดวกให้ผู้ที่ต้องการอุดหนุนสินค้าของไร่สุวรรณ สามารถหาซื้อน้ำนมข้าวโพดที่มีรสชาติดีได้ง่ายๆ จากร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-Eleven ที่มีอยู่กว่า 14,000 สาขา ตลอด 24 ชั่วโมง

อภิรักษ์ กล่าวต่อไปว่า เรามีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์น้ำนมข้าวโพดในตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ทำจากพืช (Plant-based Milk) ตลาดน้ำนมทางเลือกให้เติบโตยิ่งขึ้น พร้อมทั้งปรับภาพลักษณ์ของสินค้าดังกล่าวให้ดูทันสมัย มีความเป็นไลฟ์สไตล์ โดดเด่นด้วยแพ็กเกจจิ้งทรงทันสมัยที่จับสะดวก ปากขวดกว้างดื่มง่าย และความหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของข้าวโพดไร่สุวรรณ

ทั้งนี้ หลังเก็บเกี่ยว ข้าวโพดหวานไร่สุวรรณจะถูกลำเลียงสู่โรงงานผลิตภายใน 24 ชั่วโมง จากนั้นจะทำการผลิตด้วยระบบพาสเจอไรซ์ โดยมีอายุสินค้า Shelf life 12 วัน เพื่อคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ทั้งด้านกลิ่นและคุณค่าทางสารอาหาร โดยจะไม่มีการผสมแป้ง หรือนมผง และสารกันบูดใดๆ โดยวี ฟาร์มจะรับข้าวโพดจากไร่สุวรรณวันละประมาณ 5 ตัน มาผลิตน้ำนมข้าวโพดสูตรใหม่นี้ที่โรงงานของวี ฟาร์ม

และทางแบรนด์วี ฟาร์มจะเป็นผู้ทำการตลาดและจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในทุกช่องทาง คาดว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มสัดส่วนทางการตลาดได้อีกกว่า 10% พร้อมช่วยเพิ่มและแชร์ฐานผู้บริโภคเดิมของทั้ง 2 แบรนด์ให้เข้าถึงสินค้าได้มากขึ้น

พลิกโฉมแบรนด์ไร่สุวรรณ สู่ไลฟ์สไตล์ของทุกเจเนอเรชัน

รศ. ดร.ธานี ศรีวงศ์ชัย คณบดีคณะเกษตร ม.เกษตรศาสตร์ กล่าวว่า การเติบโตของเทรนด์การบริโภคสินค้าเกษตรที่เข้าสู่เจเนอเรชันใหม่ๆ เป็นปัจจัยขับเคลื่อนให้ศูนย์วิจัยข้าวโพดและข้าวฟ่างแห่งชาติ ในฐานะผู้ผลิตสินค้าแบรนด์ไร่สุวรรณ เล็งเห็นถึงโอกาสที่จะเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น ซึ่งกลยุทธ์หลักในการขยายตลาดของปีนี้คือ ความร่วมมือกับบริษัท วี ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) จำกัด

โดยแบรนด์ วี ฟาร์ม ที่มีช่องทางเข้าถึงผู้บริโภคที่กว้างขวาง และนำเสนอสินค้าเกษตรเรือธงอย่างข้าวโพดพันธุ์อินทรี 2 ที่มากด้วยคุณประโยชน์ นำไปแปรรูปและรังสรรค์เป็นสินค้าพิเศษ แตกต่างจากน้ำนมข้าวโพดทั่วไป ถือเป็นการทำตลาดเชิงรุกครั้งใหญ่ ที่จะทำให้คนทั่วประเทศได้มีโอกาสรู้จักและเข้าถึงแบรนด์ไร่สุวรรณได้มากขึ้น

พร้อมทั้งช่วยเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายจากเดิมที่จำกัดเพียงที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา และที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สู่โมเดิร์นเทรดเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกกลุ่มทั่วประเทศ

ติดตามข่าวสารด้านการตลาด กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/business_marketing

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ