ปัจจุบัน Young Successor หรือ กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว มีกำลังซื้อสูง มีรสนิยม และไลฟ์สไตล์ที่ชัดเจนไม่เหมือนใคร ได้กลายเป็นเป้าหมายสำคัญทางการตลาดของกลุ่มธุรกิจต่างๆ
เช่นเดียวกับ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย ผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ก็ได้หันมาเจาะกลุ่ม Young Successor ที่ให้ความสำคัญกับสถานะทางสังคมและรางวัลของชีวิตมากขึ้นอย่างน่าสนใจ จนเกิดปรากฏการณ์บ้านหรูราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ในกรุงเทพฯ ฮอตปรอทแตก พบคนซื้อส่วนใหญ่เป็นคนไทยรายได้สูง ช่วงอายุ 30-35 ปี
ล่าสุด บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาฯ เครือบุญรอด และเป็น เจ้าของตำนานอสังหาฯไทย จากการเปิดขายโครงการระดับ TOP เช่น โครงการสันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส ราคาเริ่ม 250 ล้านบาท (สูงที่สุดในประเทศไทย) และโครงการลาซัวว์ เดอ เอส บ้านเดี่ยวอัลตร้าลักชัวรี่ ที่สนนราคาขาย 550 ล้านบาทต่อหลัง ประกาศเพิ่มในพอร์ตลักชูรี่แนวราบ ผ่านการเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวแบรนด์ใหม่ SHAWN รุกทำเลทองกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก พร้อมกันถึง 2 โครงการ
"ณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร การพัฒนาธุรกิจพักอาศัย บมจ.สิงห์ เอสเตท เผยว่า ที่ผ่านมา บริษัท อยู่ในตำแหน่งผู้พัฒนาโครงการระดับ “Best in Class” ดีที่สุด ไม่ใช่ในแง่ทำเล แต่เป็นการออกแบบ การดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ และให้ความสำคัญกับบริการหลังการขาย ทำให้เป็นตัวเลือกสำคัญในกลุ่มผู้ซื้อบ้านระดับหรู
ทั้งนี้ ปัจจุบัน ตลาดบ้านหรู แบ่งออกเป็นหลายเซกเมนต์ ตั้งแต่ลักชัวรี่, พรีเมียม ไปจนถึง อัลตร้าลักชัวรี่ ได้แก่
ซึ่ง สิงห์ เอสเตท มีแบรนด์บ้านหรูที่ตอบสนองผู้ซื้อทุกเซกเมนต์ แต่จะเห็นได้ว่าตลาดบ้านที่น่าสนใจในอัตราการเติบโต คือ บ้านลักชัวรี่ระดับราคา 21-30 ล้านบาท ซึ่ง ณ ครึ่งปีหลัง 2566 เติบโตเพิ่มขึ้นมา 46% ดีมานด์น่าสนใจ แต่ก็ตามมาด้วยการแข่งขันที่สูงเช่นกัน เพราะผู้พัฒนาฯ พยายามหนีมาจากตลาดระดับกลาง-ล่าง ที่ผู้ซื้อมีปัญหาแบงก์ปฏิเสธ (รีเจ็กต์) สูง
อย่างไรก็ตาม ได้กลายเป็นโอกาสของ สิงห์ เอสเตท เนื่องจากบริษัทมีความถนัดและชำนาญในการพัฒนาโครงการระดับบนอยู่ก่อนแล้ว และมองเห็นโอกาสที่เปิดกว้างจากเซกเมนต์นี้
จึงพร้อมเดินหน้าขยายพอร์ตโฟลิโอบ้านเดี่ยวในตลาดลักชูรี่ เพื่อขยายการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ต้องการบ้านในกลุ่มนี้ให้มากขึ้น ซึ่งจะครอบคลุมกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เริ่มมีความต้องการบ้านในมิติที่หลากหลายมากขึ้นกว่าการเป็นที่อยู่อาศัย
โดยเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวแบรนด์ “SHAWN” เซกเมนต์ใหม่ในกลุ่มลักชูรี่ ของสิงห์ เอสเตท บนทำเลโซนกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก มูลค่ารวม 4,600 บาท ในราคาเริ่มต้น 19 ล้านบาท ได้แก่
“ถ้าเราจะอยู่ในธุรกิจอสังหาฯ ต้องขยายพอร์ตให้กว้างขึ้น ภายใต้ความมั่นใจว่าลูกค้าจะตอบรับ ปัจจุบันคนเกิดน้อยลง ดีมานด์ที่อยู่อาศัยก็ลดลงด้วย แต่อสังหาฯ ที่จะได้รับความสนใจคือ โปรดักต์ที่มองไปข้างหน้า 10-20 ปี ลูกค้ายังอยู่ได้สบาย และคุ้มค่าในการลงทุน มูลค่าเพิ่มขึ้น”
ความโดดเด่นของบ้านแบรนด์ SHAWN ที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดคือ The Signature Planning เป็นวิธีการออกแบบที่พื้นที่ใช้สอยภายในบ้านจากการเข้าใจ Insight ของกลุ่มเป้าหมาย ทำให้สามารถออกแบบฟังก์ชันที่เป็นเอกลักษณ์ และตรงกับความต้องการในการใช้ชีวิตของลูกบ้านและครอบครัว และสุดท้ายคือ Fengshui หรือการคำนึงถึงการออกแบบตามหลักฮวงจุ้ย ซึ่งหมายถึงหลักธรรมชาตินั่นเอง
เน้นฟังก์ชันการใช้งานได้ตามการเติบโตของครอบครัวในอนาคต รองรับการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปตามวงจรแต่ละช่วงชีวิต ด้วยกลยุทธ์การสื่อสารที่เน้น Brand Personality เชื่อมโยงไปยังกลุ่ม Young Successor ซึ่งจะเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก
สำหรับความน่าสนใจของทำเลนั้น ผู้บริหาร สิงห์ เอสเตท ให้ข้อมูลว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ย่านรามอินทรา เกิดการเปลี่ยนแปลงในแง่ทำเลอย่างน่าสนใจ เห็นศักยภาพการเติบโตของพื้นที่ที่มาจากการขยายเมืองอย่างต่อเนื่อง จึงถือเป็น Prime Location อันมาจากแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ เช่น
ปัจจัยทั้งหมดทำให้ทำเลรามอินทรามีความน่าสนใจมากขึ้น และในอนาคตยังจะมีผลต่อราคาบ้านในย่านดังกล่าวอีกด้วย
ทั้งนี้ แผนงานปี 2567 ของ “สิงห์ เอสเตท” ยังมีโปรเจกต์สำคัญที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงปลายปี มูลค่ารวมอีกราว 10,000 ล้านบาท ภายใต้การคาดการณ์เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ราว 2.7% ซึ่งอาจทรงผลให้ตลาดอสังหาฯ อยู่ในระดับทรงตัว โดยต้องติดตามผลจากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ผ่านการลดค่าธรรมเนียมการโอนฯ และการจดจำนอง ให้กับบ้านกลุ่มไม่เกิน 7 ล้านบาท ว่าจะช่วยกระชากตลาดได้มากน้อยแค่ไหน รวมไปถึง การเปลี่ยนแปลงในเชิงนโยบาย เช่น ขยายสิทธิ์การเช่าระยะยาว และการซื้อ-ขายบ้านให้กับชาวต่างชาติ เป็นต้น.
ติดตามข่าวสารด้านการตลาด กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney