ข่าว Cars24 ปิดกิจการ กลายเป็นเรื่องน่าขบคิดว่าเกิดอะไรขึ้น? กับบริษัทสตาร์ทอัพชื่อดังสัญชาติอินเดีย ที่เพิ่งเข้ามาจัดตั้งบริษัท ดำเนินธุรกิจในไทยได้แค่ 3 ปีเท่านั้น หลังประกาศปิดกิจการทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่ 25 เม.ย. ที่ผ่านมา
พร้อมๆ กับเหตุผลที่แท้จริงว่าตั้งแต่ Cars24 บริษัทขายรถมือสอง ทำธุรกิจในไทยมา มีผลประกอบการที่ขาดทุนนับหลักพันล้านบาท นำมาสู่การตัดสินใจครั้งสำคัญ ส่งผลให้พนักงานหลายร้อยชีวิตตกงานแบบกะทันหัน จากการประกาศปิดกิจการฟ้าผ่า
แม้จะมีรถจำนวนมากที่อยู่ระหว่างผ่อนไฟแนนซ์กับทาง Cars24 ขณะที่ Thairath Money ตรวจสอบแอปพลิเคชัน Cars 24 และเว็บไซต์ https://www.cars24.co.th/ ล่าสุด ยังคงเปิดให้บริการอยู่ โดยคาดว่าต้องการคงพื้นที่ไว้สำหรับการระบายรถที่คงค้างอยู่ในบริษัทอีกเป็นจำนวนมาก ผ่านการนำ “รถมือสอง” ที่มีมากระหน่ำลดราคา โดยมีรถมือสอง ราคาตั้งแต่หลักต่ำกว่า 3.5 แสนบาท ไปจนถึงรถที่มีราคามากกว่า 1 ล้านบาท
ย้อนไป ธุรกิจเต็นท์รถมือสอง มีสัญญาณน่าห่วงมาสักระยะหนึ่งแล้ว จากปัญหา รถยนต์เข้ามาล้นตลาด แต่ไฟแนนซ์เข้มปล่อยกู้รถน้อยลง กระทบต่อยอดขาย ลบภาพธุรกิจดาวรุ่ง ยุคการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่อุตสาหกรรมรถยนต์ ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนชิ้นส่วนเพื่อการผลิต รถใหม่เข้าตลาดน้อยลง ค่ายรถมีปัญหาการส่งมอบรถ ขณะคนที่ต้องการใช้งาน จึงหันไปพึ่งพา “รถมือสอง” แทน
ประกอบกับปัญหารายได้หดหาย ผู้คนประสบกับวิกฤติการเงิน “รถมือสอง” ราคาถูก จึงกลายเป็นทางเลือกสำคัญในยุคดังกล่าว ก่อเกิดการเติบโตของแพลตฟอร์มซื้อ-ขายรถมือสองจำนวนมาก ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ โดยปี 2565 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยว่า ในปีดังกล่าว ตลาดรถมือสองขยายตัวขึ้นมา 3-5% ผ่านยอดขาย 6-7 แสนคัน
อย่างไรก็ดี ตลาดคึกคักได้ไม่นาน ปี 2566 อุตสาหกรรมยานยนต์ที่เดินทางมาสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและชัดขึ้น จากกระแสนิยมยานยนต์ไฟฟ้า หรือรถ EV ที่ได้รับการยอมรับมากขึ้นในหมู่คนไทย ได้กดดันให้รถยนต์นั่งรุ่นเก่ามีโอกาสตกรุ่นเร็วขึ้น ที่สำคัญราคามือหนึ่งยังมีแนวโน้มถูกลง รถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่นมีราคาใกล้เคียงกับรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป หรือไฮบริดรุ่นใหม่ด้วยซ้ำ ซึ่งกดดันให้ความต้องการซื้อรถยนต์มือสองชะลอตัว โดยเฉพาะรถยนต์นั่งหรูมือสองจากฝั่งยุโรป ที่ราคาตกลงมากกว่าค่าเฉลี่ยอยู่แล้ว ทำให้คนไทยหันมาพิจารณาใช้รถยนต์ไฟฟ้าเร็วขึ้น
เจาะตลาดรถมือสองของประเทศไทย ตามข้อมูลของ EIC SCB ธนาคารไทยพาณิชย์ เผยว่า ตลาดดังกล่าว มีสัดส่วนรายได้คิดเป็น 6.4% ของธุรกิจคาร์ดีลเลอร์ แต่มีผู้ประกอบการอยู่มากถึงกว่า 6.5 พันราย
ขณะความต้องการรถมือสองทยอยแผ่วลงหลังสถานการณ์การระบาดคลี่คลายและปัญหา Global supply disruption มีแนวโน้มปรับดีขึ้น กระแสความนิยมรถยนต์ EV ที่เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ส่งผลให้ตลาดรถมือสองต้องเผชิญความเสี่ยงจากความต้องการ และราคาขายที่ลดลงอย่างรวดเร็ว
อีกทั้งตลาดรถมือสองกำลังเผชิญความเสี่ยงจากโอเวอร์ซัพพลาย การแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดกับค่ายรถยนต์ขนาดใหญ่ ที่ผันตัวมาเป็นนายหน้าขายรถมือสองมากขึ้นอีกด้วย เช่น Honda มีบริการซื้อ-ขายรถมือสอง ณ โชว์รูม 55 แห่งทั่วประเทศ ขณะที่ Nissan และ BMW Thailand ได้เปิดขายรถมือสองบนเว็บไซต์
สำหรับแนวโน้มของธุรกิจรถมือสองนั้น วิจัยกรุงศรี ออกคาดการณ์ว่า ในช่วงปี 2566-2568 เต็นท์รถมือสอง จะมีรายได้จากการจำหน่ายมีแนวโน้มซบเซาตามความต้องการใช้ เนื่องจากรถยนต์ใหม่มีแนวโน้มออกสู่ตลาดต่อเนื่อง
ซึ่งยังคงมาจาก 2 ตัวแปรหลักๆ หลังจากอุปทานชิปบางรุ่นเริ่มเข้ามา และกระแสรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเป็นที่นิยม ทำให้ความต้องการรถยนต์มือสองลดลง เนื่องจากรถยนต์มือสองเกือบทั้งหมดเป็นรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน
นอกจากนี้ยังมีอุปทานจากรถยนต์ที่หลุดจำนองเข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้กู้บางรายไม่สามารถผ่อนชำระได้ ภายใต้ค่าครองชีพที่สูงขึ้น และการเข้ามาของผู้ประกอบการรายใหม่ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง (โดยเฉพาะบริษัทข้ามชาติ บริษัทในเครือของค่ายรถ และแพลตฟอร์มตลาดซื้อขายรถยนต์มือสองออนไลน์) อาจมีผลกดดันอัตรากำไรของผู้ประกอบการ
ที่มา : SCB EIC, วิจัยกรุงศรี
ติดตามข่าวสารด้านการตลาด กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney