หากพูดถึงเทศกาล “มหาสงกรานต์” แน่นอนว่านับเป็นช่วงเวลาเด็ดแห่งปี ที่บรรดาชาวไทย และต่างชาติ ต่างก็เฝ้ารอคอย เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่จะได้หยุดพักผ่อน เดินทางกลับภูมิลำเนา เพื่อกลับไปหาครอบครัวอันเป็นที่รัก ส่วนทางด้านคนเมือง และนักท่องเที่ยวต่างชาติ นั้นก็เตรียมที่จะเฉลิมฉลองข้ามวันข้ามคืนกับการสาดน้ำ เปิดเพลงเพลิดเพลินกับเพื่อนและคนคู่ใจ นั่นจึงทำให้ “วันสงกรานต์” ถือเป็นเทศกาลชั้นดีในช่วงหน้าร้อนที่ใครๆ ต่างก็ให้ความสำคัญ
ในครั้งนี้ The 1 Insight ร่วมกับ CRC VoiceShare เผยเทรนด์ผู้บริโภคช่วงเทศกาลสงกรานต์ เปิดลิสต์สินค้าคลายร้อนที่มียอดขายเติบโตโดดเด่นในช่วงเทศกาลปีใหม่ไทยนี้ พร้อมชี้เศรษฐกิจภาพรวมคึกคัก โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด ดันยอดการใช้จ่ายเติบโต 2 เท่าตัว สูงสุดใน 5 จังหวัดหัวเมืองสำคัญ ได้แก่ ภูเก็ต ระยอง อุดรธานี จันทบุรี และชลบุรี
เนื่องจากพฤติกรรมชาวไทยกว่า 60% แห่เดินทางท่องเที่ยวในประเทศ-กลับภูมิลำเนาตามธรรมเนียมช่วงเทศกาลขึ้นปีใหม่ของไทย วางแผนใช้จ่ายโดยประมาณ 9,000-18,000 บาทต่อคน พร้อมยังเผยตัวเลขการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวชาวจีนกลับมาขึ้นแท่นอันดับ 1 แซงมาเลเซีย
โดยข้อมูลพบว่าสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงขึ้นในช่วงวันที่ 1-15 เมษายน 2566 เป็นกลุ่มสินค้าที่เป็นที่มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นในช่วงสงกรานต์ในทุกๆ ปี ได้แก่ 1.กระเป๋ากันน้ำ +260% 2.พัดลม +250% 3.เครื่องปรับอากาศ +230% 4.เสื้อลายดอก +110% 5.น้ำแข็ง +70% 6.ไอศกรีม +60% 7.แป้งทาตัว +50% 8.ครีมกันแดด +40% 9.ยาดม +30% 10.น้ำยาเปลี่ยนสีผม +20% เห็นได้ว่าสินค้าที่ยอดขายเติบโตได้ดีมีทั้งสินค้าจำเป็นในการช่วยดับร้อนในช่วงเดือนเมษายนที่อุณหภูมิสูงสุดในช่วงปี และสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการฉลองเทศกาลสงกรานต์
ทั้งนี้ทาง CRC VoiceShare ยังเผยผลสำรวจพฤติกรรมการเดินทางของผู้บริโภคในช่วงสงกรานต์ พบว่า คนไทยกว่า 60% มีแผนที่จะเดินทางในประเทศไทยเพื่อท่องเที่ยว หรือกลับภูมิลำเนา โดยนิยมไปเที่ยวทะเลเป็นอันดับหนึ่ง จังหวัดยอดนิยมได้แก่ ชลบุรี ระยอง และภูเก็ต
โดยส่วนใหญ่วางแผนเดินทางช่วงก่อนสงกรานต์จนถึงช่วงเทศกาลระหว่างวันที่ 12-16 เมษายน และมักเดินทางในช่วงสงกรานต์เป็นประจำทุกปี ในส่วนของค่าใช้จ่ายโดยรวมอยู่ระหว่างช่วง 9,000-18,000 บาท แบ่งเป็น 3 ส่วนหลักๆ ได้แก่ 1.ค่าเดินทาง 5,000-10,000 บาท โดยส่วนใหญ่ 72% เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว 15% เดินทางโดยขนส่งสาธารณะ และ 13% เดินทางโดยเครื่องบิน 2.ค่าที่พัก 1,000-3,000 บาท
3.ค่ากิน-เที่ยว 3,000-5,000 ส่วนคนไทยอีก 30% ที่เลือกพำนักอยู่ที่อยู่อาศัยในจังหวัดเดิม มักมีกิจกรรมหลักๆ คือ การใช้เวลากับครอบครัว เดินเล่นในห้างสรรพสินค้า เยี่ยมเยียนและรดน้ำดำหัวญาติผู้ใหญ่ นอกจากนี้ยังมี 10% วางแผนท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยกว่าครึ่งตั้งเป้าไปประเทศญี่ปุ่น ตามมาด้วยประเทศอื่นๆ ในเอเชีย อาทิ จีน ไต้หวัน เวียดนาม
จากฐานข้อมูล The 1 ยังบ่งชี้ถึงพฤติกรรมการใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวในปี 2566 ซึ่งภาพรวมเติบโตอย่างมีนัยสำคัญถึง 200% ในปี 2566 เมื่อเทียบกับปี 2565 และมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นอีกในปี 2567 นี้ โดย 3 ประเทศที่ใช้จ่ายสูงสุด ได้แก่ จีน มาเลเซีย และรัสเซีย
โดยการใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวจีนเติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 10 เท่า ในปี 2566 เมื่อเทียบกับปี 2565 และมีแนวโน้มเติบโตแตะระดับก่อนเหตุการณ์โควิด-19
เนื่องด้วยนโยบายวีซ่าฟรีไทย-จีนที่มีส่วนช่วยในการกระตุ้นการท่องเที่ยว นอกจากนี้ CRC VoiceShare ยังได้เผยผลสำรวจความเห็นผู้บริโภคในหัวข้อ “เมื่อนึกถึงสงกรานต์ คนแต่ละช่วงวัยนึกถึงอะไร” โดย Gen Z นึกถึง “การเล่นน้ำ” ด้วยความเป็นวัยรักสนุกที่เพิ่งพ้นผ่านช่วงวัยรุ่นมาไม่นาน Gen Y นึกถึง “วันหยุดเทศกาล” สะท้อนความต้องการ Work-Life Balance เพื่อผ่อนคลายจากการทำงาน
Gen X นึกถึง “วันขึ้นปีใหม่” เรียกได้ว่าเป็นโอกาสรวมญาติครั้งสำคัญแห่งปี สำหรับช่วงวัยที่ให้ความสำคัญกับการสร้างครอบครัวอบอุ่น ส่วน Baby Boomers นึกถึง “การรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่” สะท้อนการให้คุณค่าของผู้สูงวัยต่อธรรมเนียมปฏิบัติของเทศกาลสงกรานต์.
ติดตามข่าวสารด้านการตลาด กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/business_marketing
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney