เดอะมอลล์ ทุ่ม 1.6 พันล้าน สู้ศึกค้าปลีกปี 67 งัดเครดิตเงินคืนเรียกแฟนคลับ “M Card” กลับมาช็อป

Business & Marketing

Marketing

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

เดอะมอลล์ ทุ่ม 1.6 พันล้าน สู้ศึกค้าปลีกปี 67 งัดเครดิตเงินคืนเรียกแฟนคลับ “M Card” กลับมาช็อป

Date Time: 31 ม.ค. 2567 10:40 น.

Video

3 มาตรการใหม่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ คุมหุ้นร้อนผิดปกติ | Money Issue

Summary

  • เปิดศึกต้นปี! เดอะมอลล์ กรุ๊ป ทุ่มงบ 1,650 ล้านบาท อัดแน่นแคมเปญ โปรโมชัน อีเวนต์ตลอดทั้งปี ประเดิมอีเวนต์ใหญ่รับไตรมาสแรก "ตรุษจีน" ด้วยงบ 160 ล้านบาท ตั้งเป้ากวาดยอดขาย 3,000 ล้านบาท และเพิ่ม traffic ให้กับศูนย์การค้า 20% ชี้ฟรีวีซ่ามาตรการ Easy E-Receipt 2567 กระตุ้นการใช้จ่ายในห้างได้กว่า 30%

Latest


ศึกค้าปลีกปี 67 นี้ไม่มีแผ่ว! เห็นได้จากการที่บรรดายักษ์ค้าปลีก ประเดิมศักราชใหม่รับปีมังกร ด้วยบรรยากาศความคึกคักจากเทศกาลตั้งแต่ช่วงปลายปีเป็นต้นมา และอาจจะลากยาวต่อเนื่องไปจนถึงเทศกาลสงกรานต์ ด้วยมาตรการอัดฉีดของภาครัฐ 

รวมทั้งกลุ่มธุรกิจเองที่ต่างพาเหรดแห่ลงทุนเพิ่ม อัดโปรเพื่อช่วงชิงยอดขายกันอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังมีการขยับขยายเปิดตัวศูนย์การค้าแห่งใหม่ เพิ่มสาขา หรือแม้กระทั่งแตกไลน์ธุรกิจไปสู่ Business Model ใหม่ๆ มากขึ้น นั่นจึงทำให้ตั้งแต่ต้นปีเต็มไปด้วยบรรยากาศความคึกคักอย่างไม่ขาดสาย

จากข้อมูลทางศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้มีการประเมินว่า ในปี 2567 ธุรกิจค้าปลีกน่าจะขยายตัวราว 4.0-5.0% (ไม่รวมกับมาตรการรัฐ) เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา นับว่าเป็นตัวเลขในระดับสูงกว่าตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพี ที่รัฐคาดว่าจะอยู่ในระดับ 2.7-3.7% โดยยังคงมีแรงหนุนมาจากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เริ่มทยอยเข้าประเทศมากขึ้น รวมถึงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2024 และฟุตบอลยูโร 2024 ที่จะถูกจัดขึ้น นั่นจึงทำให้ธุรกิจค้าปลีกจะสามารถใช้จังหวะนี้อัดโปรโมชัน คิดแคมเปญ ส่งเสริมการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขาย และดึงดูดจำนวนลูกค้าได้มากขึ้น และ

และก็เช่นเดียวกันกับ เดอะมอลล์ กรุ๊ป ที่ล่าสุดได้มีการตั้งงบด้านการตลาดทั้งปีอยู่ที่ 1,650 ล้านบาท  และได้งัดหมัดเด็ดมาสู้ศึกค้าปลีก ผ่านกลยุทธ์เรียกเมมเบอร์ “M Gard” กลับมาช็อป

วรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ในไตรมาส 1 ปี 2567 ได้มีการจัดสรรงบการตลาดไว้ที่ 300 ล้านบาท โดยจะเป็นงบที่ใช้ในเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ทุกสาขา, เอ็มโพเรียม, เอ็มควอเทียร์, เอ็มสเฟียร์ และพารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ ซึ่งเยอะกว่าปี 2566 ประมาณ 10% 

ตรงจุดนี้จะรวมทั้งโปรโมชัน อีเว้นต์ และการแข่งประกวดต่างๆ ทั้งนี้คาดว่าจะทำให้ยอดการจับจ่ายใช้สอยเติบโตประมาณ 15-20% ด้วยปี 66 อยู่ในช่วงรีโนเวท ดังนั้นปี 67 มีการเปิดเกือบทั้งหมด ซึ่งจะเหลือเดอะมอลล์บางแค ที่ยังเปิดไม่เต็มที่ และจะมีการเปิดฮาร์เบอร์แลนด์ 15 ก.พ.นี้

เรียก “เมมเบอร์ M Card” คืนถิ่น

ส่วนกลยุทธ์ในปี 2567 หลักๆ จะเป็นการดึงฐานลูกค้า M card ที่ปัจจุบันมียูสเซอร์ประมาณ 5.3 ล้านคน ซึ่งตั้งเป้าที่จะเพิ่มเป็น 6 ล้านคน ในปี 67 ขณะที่วิธีการจะเป็นการทำ CRM ดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ทั้งจากการจัดโปรโมชัน  อย่างเช่น รับคืนรวมสูงสุด 5,600 บาท, แลกพอยต์, รับ M Cash Coupon สูงสุด 2,800 บาท และคะแนนสะสมสูงสุด 33% รวมทั้งแคมเปญ และอีเว้นต์แน่นตลอดทั้งปี

เนื่องจากมองว่าด้วยประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัย จึงต้องเติมลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ อย่างเช่นคนทำงาน คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะในพื้นที่เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์บางกะปิที่มีโรงเรียน มหาวิทยาลัย อยู่เป็นจำนวนมาก ส่วนบางแคก็จะเป็นกลุ่มครอบครัว รวมทั้งจะมีการทำ M Card Junior Club ที่จะผูกไปกับกิจกรรมที่เข้าถึงกลุ่มเด็กๆ และอีเว้นต์สำหรับหมาแมวด้วยเช่นกัน

ขณะเดียวกันก็จะมีการเร่งเพิ่มยอดผู้ใช้งานบัตรเครดิต BBL M ที่จะต้องกลับมาเน้นในเรื่องของเมมเบอร์เยอะขึ้น เพราะลูกค้าบางส่วนอาจหายไปตอนปรับปรุง 

ส่วนเทศกาลตรุษจีนปี 2567 เดอะมอลล์ กรุ๊ป ก็ได้มีการทุ่มงบมากถึง 160 ล้านบาท เพื่อจัดแคมเปญใหญ่ฉลองตรุษจีน “THE MALL GROUP HAPPY CHINESE NEW YEAR 2024 : ช็อปให้สุด เฮงไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ ที่เดอะมอลล์ กับพญาเทพมังกรอัคราสวรรค์บันดาลสุข”

ทั้งเสริมดวงปีมังกร โดย ดร.คฑา ชินบัญชร ทำพิธีอัญเชิญมาจากศาลเจ้าพ่อ 5 มังกรตรงจากฮ่องกง พร้อมขอพรจากเทพเจ้ากว่า 15 องค์  กิจกรรมครบสำหรับทุกคนในครอบครัว ตระการตากับพิธีแห่มังกรที่ยิ่งใหญ่ที่สุด, การแข่งขันสุดยอดเจ้าพญาเทพมังกรเหินเวหา, แข่งขันตี๋ หมวย ตั้งแต่วันที่ 1–29 กุมภาพันธ์ 2567 โดยทั้งหมดนี้ ตั้งเป้ากวาดยอดขาย 3,000 ล้านบาท และเพิ่ม traffic ให้กับศูนย์การค้า 20%

นอกจากนี้ เทศกาลตรุษจีนปีนี้คาดว่าจะกลับมามีความคึกคัก น่าจะมีการจับจ่ายสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา โดยมองว่าไตรมาส 1 ยอดขายอาจจะปิดจบที่ 1.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะรวมตรุษจีนด้วย เติบโตประมาณ 15%

มาตรการ Easy E-Receipt 2567 กระตุ้นการใช้จ่ายในห้างได้กว่า 30%

วรลักษณ์ กล่าวต่อไปว่า ด้านภาพรวมเศรษฐกิจของไทยส่งสัญญาณดีขึ้น ข้อมูลจากกระทรวงการคลังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของประเทศ GDP โตขึ้น 3.2% สอดคล้องกับการคาดการณ์ของหลากหลายสถาบันว่าเศรษฐกิจไทยปี 2567 จะมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องโดยเรื่องของการท่องเที่ยว และการเฟ้นหาประสบการณ์แปลกใหม่ จะมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนจะเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย 

รวมทั้งเทศกาลตรุษจีนถือเป็นพลุดอกสำคัญในการขานรับนโยบายรัฐที่จะเปิดประตูฟรีวีซ่าระหว่าง 2 ประเทศ ในส่วนของไตรมาสแรกปีนี้ แม้ว่าสินค้าของไหว้มีการปรับราคาขึ้น ตามรอยสินค้าอื่นๆ ที่มีการปรับขึ้นก่อนหน้านี้ ทั้งแก๊ส น้ำมัน

ขณะที่ทิศทางธุรกิจรีเทลมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้น โดยมีผลมาจากปัจจัยบวกต่างๆ ทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ จากโครงการช็อปคืนภาษี Easy E-Receipt 2567 ในช่วงปีใหม่และตรุษจีนที่เป็นโค้งสุดท้ายของมาตรการ คาดว่าจะช่วยกระตุ้นยอดการจับจ่ายภายในห้างฯ และศูนย์ฯ กว่า 20-30% 

อย่างไรก็ตาม ด้านจำนวนนักท่องเที่ยวจีนมีให้เห็นเยอะขึ้น แต่ยังน้อยกว่าเมื่อเทียบกับปี 2019 ส่วนประเทศที่มาเยอะเห็นจะเป็น เวียดนาม กัมพูชา พม่า และมาเลเซีย ที่กลายเป็นเบอร์หนึ่งแซงหน้าจีนไปโดยปริยาย 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้

ติดตามข้อมูลหุ้นกู้ และ เงินฝากธนาคาร กับ ThairathMoney ได้ที่ 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์