บางจากผงาดขึ้นแท่นผู้นำโรงกลั่น หลังปิดดีลประวัติศาสตร์!

“บางจาก” ตั้งเป้าหลังปิดดีลซื้อ “เอสโซ่” ยอดขายปี 67 จะเพิ่มขึ้นแตะ 5 แสนล้านบาท จากสิ้นปีนี้ทำได้ 3.8 แสนล้านบาท ทยอยเปลี่ยนป้ายเป็นปั๊มบางจากทั้งหมด มีเวลาใช้แบรนด์เอสโซ่ไม่เกิน 2 ปี และเริ่มมีการเปลี่ยนสูตรน้ำมันเป็นของบางจาก ภายใน 90 วัน

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บางจากตั้งเป้ายอดขายปี 2567 จะเพิ่มขึ้นแตะ 500,000 ล้านบาท จากสิ้นปีนี้ที่คาดจะทำได้ 380,000 ล้านบาท หลังจากได้เข้าซื้อหุ้นของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) สัดส่วน 65.99% ซึ่งจะหนุนให้บริษัทมีกำลังการกลั่นน้ำมันจากโรงกลั่นของเอสโซ่เพิ่มขึ้นอีก 174,000 บาร์เรลต่อวัน จากเดิมที่บางจากมีอยู่ 120,000 บาร์เรลต่อวัน และเครือข่ายคลังน้ำมัน รวมถึงสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศกว่า 830 แห่ง

ทั้งนี้ คาดว่าสถานีบริการน้ำมันปีหน้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,250 สาขา จากปีนี้ที่ราว 2,200 สาขา โดยในส่วนของสถานีบริการน้ำมันแบรนด์เอสโซ่ที่มีอยู่ปัจจุบันราว 830 สาขา ซึ่งแบ่งเป็นที่บริษัทเป็นเจ้าของเอง 280 สาขา และเป็นดีลเลอร์อีก 550 สาขา จะถูกทยอยเปลี่ยนป้ายเป็นสถานีบริการน้ำมันบางจากทั้งหมด โดยมีระยะเวลาใช้แบรนด์เอสโซ่ได้อีกไม่เกิน 2 ปี และจะเริ่มมีการเปลี่ยนสูตรน้ำมันเป็นของบางจากในคลังน้ำมันภายในไม่เกิน 90 วัน

ทั้งนี้ บางจากได้ชำระค่าหุ้นสามัญของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่ซื้อจาก ExxonMobil Asia Holdings Pte. Ltd. จำนวน 2,283.75 ล้านหุ้น หรือ 65.99% ในราคา 9.8986 บาทต่อหุ้น รวมมูลค่า 22,606 ล้านบาท นอกจากนี้ จะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลือทั้งหมด อีก 34.01% ในราคา 9.8986 บาท จากผู้ถือหุ้นรายย่อย ในวันที่ 8 ก.ย.-12 ต.ค.นี้ ซึ่งต้องใช้เงินอีก 11,651.72 ล้านบาท รวม 34,257.64 ล้านบาท

ส่วนความคุ้มค่าของดีลการซื้อกิจการเอสโซ่ภายใต้กระแสการเปลี่ยนผ่านของการใช้รถยนต์สันดาปไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า ไม่ได้มีความกังวลมากนัก ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่ยังมีความต้องการใช้รถยนต์สันดาปอยู่ค่อนข้างสูงและกระแสการเปลี่ยนผ่านยังรถยนต์ไฟฟ้ายังต้องใช้ระยะเวลาอีกนาน ด้วยความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานที่ยังไม่สามารถครอบคลุมได้ในปัจจุบัน ซึ่งทำให้ธุรกิจยังมีโอกาสเติบโตได้ดีและการมีสินทรัพย์ของเอสโซ่ได้เข้าช่วยสนับสนุนการเติบโตในอนาคตอย่างมีนัยสำคัญ โดยดีลนี้จะสามารถถึงจุดคุ้มทุนได้ภายใน 5 ปีข้างหน้าเป็นอย่างช้า

นอกจากนี้ บริษัทเตรียมงบลงทุนไว้ราว 200,000 ล้านบาท เพื่อรองรับแผนธุรกิจในช่วง 5 ปีข้างหน้า (ปี 2566-2570) โดยส่วนใหญ่ใช้ภายในปี 2566 กว่า 100,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการใช้ลงทุนในธุรกิจขุดเจาะและสำรวจแหล่งปิโตรเลียมสัดส่วน 30% ใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมันอากาศยั่งยืนราว 30% ใช้รองรับการลงทุนดีลเอสโซ่และโรงกลั่นที่บริษัทมีแผนจะหาเพิ่มอีก 1 แห่ง ประมาณ 30% และที่เหลืออีก 10% ใช้รองรับการขยายธุรกิจอื่นๆในกลุ่ม

ทั้งนี้ บางจากจะเข้าดำเนินการโรงกลั่นน้ำมันขนาดกำลังการกลั่น 174,000 บาร์เรลต่อวัน เครือข่ายคลังน้ำมันและสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ 800 แห่งได้ทันที จะทำให้กลุ่มบางจากจะมีกำลังการกลั่นน้ำมันสูงสุดในประเทศรวม 300,000 บาร์เรลต่อวันจากโรงกลั่นน้ำมันมาตรฐานระดับโลก 2 แห่งคือโรงกลั่นบางจาก พระโขนง และโรงกลั่นบางจาก ศรีราชา สามารถดำเนินธุรกิจได้ครบวงจรมากขึ้น ได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีการกลั่นที่เสริมกันของโรงกลั่นทั้งสอง เพิ่มความหลากหลายในการจัดหาน้ำมันดิบ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดหาและขนส่งน้ำมันดิบร่วมกัน เพิ่มกำลัง การผลิตเพื่อรองรับความต้องการของตลาดและปรับปรุงประสิทธิภาพการกลั่น รวมถึงสามารถใช้ประโยชน์จากแผนบำรุงรักษาโรงกลั่นร่วมกัน

สำหรับกรณีที่หลายฝ่ายเป็นห่วงว่าปั๊มของเอสโซ่และบางจากในบางพื้นที่ตั้งใกล้เคียงกันนั้น จะไม่มีปัญหาการแย่งลูกค้ากัน โดยลูกค้าของบางจากจะเป็นคนตัดสินใจเลือกเติมที่แห่งใด เหมือนตู้เอทีเอ็ม ยังตั้งติดกันหลายๆธนาคารในพื้นที่เดียวกัน ทั้งนี้ อยากให้ลูกค้าเดิมของเอสโซ่ลองมาเติมน้ำมันของบางจากดู เพราะเรามั่นใจคุณภาพของน้ำมันบางจาก.