SPCG พร้อมจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในโครงการ Fukuoka Miyako Mega Solar แล้ว คาดผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ได้ประมาณ 70 ล้านหน่วยต่อปี และช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 70,000 ตัน
เมื่อวันที่ 28 มี.ค. 66 ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG กล่าวว่า โครงการ Fukuoka Miyako Mega Solar นั้นขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 67 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น North Phase 23 เมกะวัตต์ และ South Phase 44 เมกะวัตต์
โดยเราได้ร่วมลงทุนกับ TESS Holdings งบการลงทุนทั้งสิ้น 23,493 ล้านเยน หรือประมาณ 7,000 ล้านบาท ซึ่ง SPCG ถือหุ้น 10% คิดเป็นเงินจำนวน 314 ล้านเยน หรือประมาณ 91 ล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวได้ดำเนินการการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ หรือ COD เป็นที่เรียบร้อยแล้วในช่วง ก.พ. 66 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ได้ประมาณ 70 ล้านหน่วยต่อปี และช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ CO2 ประมาณ 70,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า โดยในโครงการติดตั้งด้วยแผงเซลล์แสงอาทิตย์ของบริษัท Kyocera Corporation จำนวนกว่า 220,000 แผง พื้นที่ติดตั้งเป็นหุบเขาสวยงาม และระบบผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่มีเชื้อเพลิง ไม่มีเสียงขณะทำงาน
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา SPCG ได้มีโอกาสร่วมลงทุนกับ TESS Holding ในการพัฒนาโครงการ Tottori Yonago Mega Solar Farm ขนาด 30 เมกะวัตต์ เมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา (ปี 2561) และในอนาคตมีแผนที่จะร่วมการพัฒนาโครงการ Imari ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้า Bio Mass ขนาด 46 เมกะวัตต์ คาดว่า จะก่อสร้างแล้วเสร็จในอีก 2 ปีข้างหน้า (ปี 2568)
“การลงทุนในญี่ปุ่นจะนำมาซึ่งผลตอบแทนการลงทุนแก่ผู้ถือหุ้นที่ดีในระยะยาว และคาดว่า จะมีการหารือเพื่อร่วมลงทุนในประเทศญี่ปุ่นต่อไป เพื่อตอบสนองและสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลประเทศญี่ปุ่น ในการมุ่งสู่การเป็น Carbon Neutral ในปี 2593”
โดยก่อนหน้านี้ธุรกิจโซลาร์ฟาร์ม SPCG ได้ลงทุนร่วมกับ บริษัท เคียวเซร่า คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น, Kyudenko Corporation, Tokyo Century Corporation, Furukawa Electric Company Limited, Tsuboi Corporation เพื่อพัฒนาโครงการโซลาร์ฟาร์ม Ukujima Mega Solar Project ขนาดกำลังการผลิตรวม 480 เมกะวัตต์ ณ เกาะ Ukujima เมืองนางาซากิ
โดยโครงการดังกล่าว มีขนาดกำลังการผลิตรวม 480 เมกะวัตต์ ใช้งบการลงทุนประมาณ 60,000 ล้านบาท ได้รับอัตรารับซื้อไฟฟ้า Feed-In tariff ที่ 40 เยนต่อหน่วย เป็นระยะเวลา 17 ปี 3 เดือน โดยจะทำการขายไฟให้แก่บริษัท Kyushu Electric Power Co, Inc.
ทั้งนี้ เป็นโครงการโซลาร์ฟาร์มที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งบริษัทฯ SPCG ถือหุ้นร้อยละ 17.92 หรือคิดเป็นเงินจำนวน 9,000,000,000 เยน คาดว่า จะเริ่มดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ และสามารถรับรู้รายได้ในช่วงกลางปี 66 เป็นต้นไป
สำหรับ Ukujima Mega Solar Project เป็นระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน ควบคู่ไปกับระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบผสมผสานร่วมกับการทำเกษตรกรรม โครงการดังกล่าวจึงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนรอบข้าง ขณะเดียวกันยังมีส่วนช่วยเหลือในการพัฒนาฐานเกษตรกรรมของเกาะ Ukujima อีกทั้งยังสามารถลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศกว่า 270,000 ตันต่อปี