TCP เตรียมเปิด 10 ผลิตภัณฑ์ใหม่ใต้แบรนด์ "กระทิงแดง" พร้อมทำโรงงานที่จีน ตั้งเป้ารายได้โต 2 เท่าภายใน 3 ปี แตะ 90,000 ล้านบาทต่อปี
เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 65 นายสราวุฒิ อยู่วิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ TCP กล่าวว่า เราเป็นผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์กระทิงแดง (เรดบูล) เรดดี้ โสมพลัส สปอนเซอร์ แมนซั่ม แมนซั่ม วิตามิน วอเตอร์ ไฮ่! เพียวริคุ ซันสแนค และ วอริเออร์ ซึ่งเมื่อ 5 ปีที่แล้วเราประกาศรวมแบรนด์กลุ่มธุรกิจ TCP และเดินหน้าสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ปัจจุบัน เหตุการณ์ต่างๆ เช่น โควิด-19 การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก เราจึงกลับมาคิดทบทวนเป้าหมาย และกลยุทธ์ในทุกๆ ส่วน เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงสร้างการเติบโตให้กับองค์กรพร้อมกับปลุกพลังความยั่งยืนให้กับโลกใบนี้ด้วยเป้าหมายใหม่ปลุกพลัง เพื่อวันที่ดีกว่า
ทั้งนี้ เราตั้งเป้าเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ 10 ตัวภายใต้แบรนด์กระทิงแดง เครื่องดื่มให้พลังงานระดับโลกและเป็นผู้นำในตลาดเอเชีย ภายใน 3 ปีทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เพื่อสร้างความแตกต่างทั้งรสชาติและภาพลักษณ์ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น รวมถึงส่งแบรนด์อื่นๆ ภายใต้ House of Great Brands เข้าสู่ตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดเอเชีย และพัฒนาผลิตภัณฑ์แบรนด์ใหม่ๆ อย่างน้อย 5 ผลิตภัณฑ์ ด้วยการค้นหาความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภค มุ่งเน้นไปที่ตลาดด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี
นอกจากนี้ เรายังตั้งแผนงบการลงทุนรวม 12,000 ล้านบาท และเพิ่มกำลังการผลิตในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดหลักที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง โดยตั้งเป้ารายได้โต 2 เท่าเป็น 90,000 ล้านบาทต่อปี ภายในระยะเวลา 3 ปี นอกจากนี้ ยังเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยงานต่างๆ ในองค์กรด้วย Digital Transformation
โดยนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้นตั้งแต่การบริหารจัดการและวิเคราะห์ข้อมูล ระบบการผลิตอัจฉริยะ หรือ Smart Manufacturing และการบริหารจัดการข้อมูลจากช่องทางการสื่อสารต่างๆ หรือ Omnichannel รวมถึงพัฒนาบุคลากรให้เติบโตไปพร้อมเทคโนโลยี อีกทั้งยังส่งเสริมการทำงานในลักษณะของ Work-life integration ซึ่งสามารถเชื่อมต่อระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัวได้อย่างลงตัว
"ส่วนต้นทุนต่างๆ ที่ปรับเพิ่มขึ้นทั้งต้นทุนการผลิต ต้นทุนการขนส่งนั้นส่งผลกระทบกับเราแน่นอน ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจว่าสถานการณ์นี้จะอยู่กับเราไปอีกนานแค่ไหน ฉะนั้นเราต้องรอบคอบ และคำนึงถึงผู้บริโภคเป็นหลัก ส่วนการปรับขึ้นราคาสินค้า จะขึ้นเมื่อไร หรืออย่างไรตอนนี้เรายังไม่มีแผน แต่ต้องติดตามสถานการณ์ไปเรื่อยๆ"