เอสเอฟ ดีเวลอปเมนท์ ทุ่มงบ 200 ล้าน ดัน "เมกาบางนา" ยึดใจลูกค้าโซนกรุงเทพฯตะวันออก พร้อมพัฒนาโครงการมิกซ์ ยูส "เมกาซิตี้" ให้ครบวงจรมากขึ้น
เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 65 นางสาวพลินี คงชาญศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสเอฟ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด ผู้บริหาร เมกาบางนา และโครงการเมกาซิตี้ กล่าวว่า ที่ผ่านมาหลังการเกิดโควิด-19 ที่มีการล็อกดาวน์นั้น เมกาบางนาได้ปรับกลยุทธ์รับมือกับสถานการณ์และผ่านวิกฤติมาได้ เมื่อกลับมาเปิดให้บริการ ทางศูนย์การค้าก็สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการได้เป็นอย่างดี
ด้วยมาตรการป้องกันที่เข้มข้นจนทำให้มีจำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการถึง 42 ล้านคนในปี 64 อีกทั้งมีผู้เช่ารายใหม่ๆ ทยอยเข้ามาเปิดให้บริการภายในศูนย์การค้าเมกาบางนาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้เรายังได้แบรนด์ที่เป็น Premium Tier ที่ตัดสินใจมาเปิดที่เมกาบางนาด้วยความเชื่อมั่นในกำลังซื้อของลูกค้าของเรา
เช่น CHANEL FRAGRANCE & BEAUTY, GUCCI BEAUTY, DIOR COSMETICS, YSL, YUZU SUKI, KAM’S ROAST และ ทองสมิทธ์ เป็นต้น โดยอัตราการเช่าพื้นที่ของเมกาบางนาเต็มเกือบ 100% มาโดยตลอด
ทั้งนี้ หัวใจหลักของการบริหารศูนย์การค้าให้เป็น Successful Retail Destination คือ การบริหารจัดการ Tenant Mix โดยเรามีความตั้งใจสร้างให้เมกาบางนาเป็นศูนย์การค้าที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าทุกเจเนอเรชั่น และตอบโจทย์พฤติกรรมการช็อปปิ้งแบบ One-Stop Shopping Destination โดยเรามี Key Anchor ใหญ่ถึง 5 แบรนด์ที่ถือเป็น Magnet สำคัญที่ช่วยดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการที่ศูนย์ คือ
1. อิเกีย ผู้จัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์และสินค้าตกแต่งบ้านจากประเทศสวีเดน ซึ่งมาเปิดให้บริการที่เมกาบางนาเป็นสาขาแรกในประเทศไทย
2. โฮมโปร ศูนย์รวมอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ ของใช้ในบ้านที่ครบจบในที่เดียว
3. เซ็นทรัล@เมกาบางนา เรามีการปรับเปลี่ยน Positioning ตัวห้างเดิมเพื่อตอบโจทย์ Customer Profile ของเมกาบางนาที่เปลี่ยนไป ซึ่งมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น จึงมองหาสินค้าและบริการในระดับพรีเมียมมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีการวางแผนในส่วนต่อขยายเพิ่มเติมอีกในอนาคตอันใกล้
4. บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า ไฮเปอร์มาร์เก็ตที่ตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการจับจ่ายใช้สอยสินค้าอุปโภคบริโภคคุณภาพดีในราคาย่อมเยา
5. เมกา ซีนีเพล็กซ์ รวมทั้ง บลูโอ โบว์ล และซับซีโร่ ไอซ์ สเก็ต ซึ่งเป็นศูนย์รวมความบันเทิงสำหรับทุกคนในครอบครัว
นอกจากนี้เรายังพัฒนา และสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ ให้กับลูกค้ามาโดยตลอด ทั้งการช็อปปิ้งที่ลูกค้าสามารถมาอัปเดตแบรนด์ใหม่ ๆ ที่กำลังอยู่ในกระแสนิยม หรือในแง่สิทธิประโยชน์ลูกค้าก็จะได้รับความคุ้มค่ามากกว่า เมื่อมาช็อปที่เมกาบางนาด้วยสิทธิประโยชน์พิเศษสำหรับสมาชิกเมกา สไมล์ รีวอร์ดส กับ 365-Day Marketing Campaign อีกด้วย
ขณะเดียวกัน การพัฒนาโครงการเมกาซิตี้ หรือ MEGACITY ซึ่งเป็นการสร้างคอมมิวนิตี้ขนาดใหญ่ และไลฟ์สไตล์แบบใหม่ที่จะทำให้เมกาบางนาแตกต่างจากศูนย์การค้าทั่วไปได้อย่างชัดเจน โดยเรามองว่าโครงการนี้จะสร้างความยั่งยืน (SUATAINABILITY) ในเรื่องของ Traffic ที่จะเข้ามาใช้บริการในศูนย์การค้า ด้วยความได้เปรียบในด้านพื้นที่ในโครงการซึ่งเป็นที่ดินผืนใหญ่ รวมกว่า 400 ไร่ และเป็นทำเลเศรษฐกิจที่สำคัญ ทำให้เมกาบางนาสามารถพัฒนาพื้นที่นี้ให้กลายเป็นเมืองที่สมบูรณ์แบบได้
ปัจจุบันเมกาซิตี้มีการพัฒนาไปแล้วกว่า 40% และได้มีการพัฒนาองค์ประกอบต่างๆ ไปแล้วอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ส่วนต่อขยายเมกา ฟู้ดวอล์ค ที่มาพร้อมกับที่จอดรถ 1,200 คัน และร้านอาหารเพิ่มกว่า 30 ร้าน, อาคารจอดรถอิเกีย 8 ชั้นที่เชื่อมต่อกับตึกเดิมของอิเกียที่รองรับรถได้เพิ่มถึง 2,000 คัน ซึ่งทำให้ปัจจุบันเมกาบางนาสามารถรองรับรถได้ครั้งละถึง 12,000 คัน
ส่วนต่อขยายโซนเมกา สมาร์ท คิดส์ แหล่งรวมสถาบันสอนเสริมทักษะกว่า 20 แห่ง , Mega Harborland สนามเด็กเล่นในร่มขนาดใหญ่, สวนสาธารณะเมกาพาร์ค, โรงเรียนประถมศึกษานานาชาติ ดิษยะศริน กรุงเทพ และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ
โดยโครงการแรกได้แล้วเสร็จและทำการส่งมอบแค่ลูกค้าเรียบร้อยแล้ว และมีอีก 1 โครงการที่ก่อสร้างใกล้แล้วเสร็จ พร้อมจะส่งมอบให้กับผู้ซื้อโครงการได้ภายในปี 2566 นี้ รวมถึง TOPGOLF ซึ่งจะเป็นท็อปกอล์ฟ แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บนพื้นที่กว่า 29 ไร่ในโครงการเมกาซิตี้ โดยจะพร้อมเปิดให้บริการในไตรมาส 3/65
นางสาวพลินี กล่าวอีกว่า การพัฒนาเมกาบางนาและโครงการเมกาซิตี้ ยังคงเป็นเป้าหมายหลักในการดำเนินงานของบริษัท ซึ่งโครงการที่กำลังจะเกิดขึ้น คือ การขยายพื้นที่ของเซ็นทรัล @ เมกาบางนา เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 10,000 ตารางเมตร พร้อมกับปรับโฉมใหม่เพื่อให้สามารถจัดสรรโซนนิ่งสินค้าและบริการได้อย่างชัดเจนมากขึ้น
รวมถึงการเปิดส่วนที่เป็น เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และเพิ่มสินค้าบริการที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าของเมกาบางนาเพิ่มมากขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรใหม่ที่จะเข้ามาพัฒนาโรงแรมภายในโครงการ โดยจะเป็นโรงแรมสำหรับเจาะกลุ่มนักธุรกิจ บนพื้นที่รวมกว่า 13,000 ตารางเมตร
ทั้งนี้ ในโอกาสครบรอบ 10 ปี เมกาบางนาได้ทุ่มงบประมาณการตลาดกว่า 20 ล้านบาท ส่งมอบแคมเปญและโปรโมชั่นสุดพิเศษ Megabangna 10th Anniversary” เพื่อแทนคำขอบคุณให้กับลูกค้าที่สนับสนุนเมกาบางนามาตลอด โดยตลอดเดือน พ.ค.-ก.ค.65 นี้อีกด้วย