“อดิศักดิ์” ดัน “เจมาร์ท” ผงาด ตั้งเป้ามูลค่าตลาดพุ่ง 5 แสนล้านภายใน 3 ปี

Business & Marketing

Marketing

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

“อดิศักดิ์” ดัน “เจมาร์ท” ผงาด ตั้งเป้ามูลค่าตลาดพุ่ง 5 แสนล้านภายใน 3 ปี

Date Time: 24 มี.ค. 2565 08:41 น.

Summary

  • เปิดอาณาจักร JMART จากร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าห้องแถวสู่ธุรกิจตู้ขายโทรศัพท์และอะไหล่มือถือในห้าง ก่อนผงาดขึ้นสู่อาณาจักรค้าปลีก การเงินและเทคโนโลยี ด้วยมูลค่ามาร์เกตแคปรวมกันกว่า 2 แสนล้านบาท

Latest

จากเด็กชอบคอมพิวเตอร์สู่ "iHAVECPU" จากทุน 4 หมื่นสู่ยอดขาย 1,800 ล้านบาท

เปิดอาณาจักร JMART จากร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าห้องแถวสู่ธุรกิจตู้ขายโทรศัพท์และอะไหล่มือถือในห้าง ก่อนผงาดขึ้นสู่อาณาจักรค้าปลีก การเงินและเทคโนโลยี ด้วยมูลค่ามาร์เกตแคปรวมกันกว่า 2 แสนล้านบาท เดินหน้าสยายปีก สร้างการเติบโตทำนิวไฮ ทุกกลุ่มธุรกิจ ทะยานสู่ J–CURVE ตั้งเป้ากำไรทั้งกลุ่มโตปีละ 50% ต่อเนื่อง 3 ปีข้างหน้า ฝันมูลค่ามาร์เกตแคปทะยานแตะ 5 แสนล้านภายใน 3 ปีนี้

นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจ มาร์ท (JMART) เปิดเผยในงานพบสื่อว่า มั่นใจว่านับจากวันนี้ กลุ่มเจ มาร์ท จะยังคงเดินหน้าทำกำไรนิวไฮ หรือทำกำไรสูงสุดใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง ไปอีก 3 ปีข้างหน้า หลังจากบริษัทได้จัดโครงสร้างธุรกิจและวางแผนการเติบโต หลังจากมีพันธมิตรระดับยักษ์ใหญ่เข้ามาร่วมธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มบีทีเอสที่ใส่เม็ดเงินเข้ามาเพิ่มทุนในธุรกิจในเครือเจมาร์ทรวมกว่า 17,500 ล้านบาท และกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมที่ใส่เงินเพิ่มทุนเข้ามา

“ตอนนี้เรามีฐานทุนที่แข็งแกร่ง โดยมีเงินทุนเพิ่มขึ้นมากกว่า 30,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่ไม่มีภาระดอกเบี้ย ที่จะนำมารองรับการขยายธุรกิจให้อาณาจักร JMART เติบโตได้อย่างยั่งยืน เป็นปัจจัยหนุนที่ทำให้มั่นใจว่ากลุ่มเจมาร์ทจะสามารถสร้างกำไรให้เติบโตทำนิวไฮได้ปีละไม่ต่ำกว่า 50% ต่อเนื่องได้ใน 3 ปีข้างหน้า (2565-67) ซึ่ง “อดิศักดิ์” เรียกมันว่านี่คือ J-CURVE ของอาณาจักร JMART นอกเหนือจากการมองหาโอกาสในการลงทุนใหม่ๆเพื่อต่อยอด Ecosystem ของธุรกิจให้ครบวงจรมากยิ่งขึ้น”

4 บริษัทในตลาดมูลค่ารวม 2 แสนล้าน

“อดิศักดิ์” กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทในกลุ่ม JMART จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ 4 บริษัท มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป) รวมกันกว่า 200,000 ล้านบาท ประกอบด้วย บมจ.เจ มาร์ท (JMART), บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) และ บมจ.เจเอเอสแอสเซ็ท (J) และในอนาคต มีแผนจะนำบริษัทลูกเข้าตลาดหุ้นอีก 2-3 บริษัท โดยตั้งเป้าภายในปีนี้ 1 บริษัท ตั้งเป้าว่าภายใต้การเติบโตปีละไม่ต่ำกว่า 50% นี้จะผลักดันมูลค่ามาร์เกตแคปของกลุ่ม JMART ให้เพิ่มขึ้นแตะระดับ 500,000 ล้านบาท

“กว่า 30 ปีที่เจมาร์ทเริ่มต้นจากห้องแถวเล็กๆขายเครื่องใช้ไฟฟ้าเงินผ่อน ก่อนจะเข้าสู่ธุรกิจขายโทรศัพท์และอะไหล่มือถือโดยเริ่มจากไปเช่าพื้นที่เล็กๆ เพื่อตั้งตู้กระจกยืนขายในห้างด้วยตัวเอง เริ่มต้นด้วยทุน 2 ล้านบาท ก่อนที่จะขยายสาขาและนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์เป็นมหาชนและเติบโตมาทุกวันนี้ หัวใจของความสำเร็จของเราคือ “คน” ที่เก่งและเดินหน้าสู้มาทุกวิกฤติและพร้อมปรับตัวให้เท่าทันโลกธุรกิจและเทคโนโลยีอยู่เสมอ”

ขณะเดียวกันการสร้าง Ecosystem เพื่อต่อยอดธุรกิจและบริการลูกค้าให้ครบวงจรภายในกลุ่มกันเอง และเมื่อเราเติบโตขึ้น ก็มีพันธมิตรที่แข็งแกร่งเห็นคุณค่าของเรามาร่วมสร้าง SYNERGY ผนึกพลังร่วมต่อยอดในการขับเคลื่อนธุรกิจ เพื่อทำให้อาณาจักร JMART เติบโตต่อเนื่องได้อย่างยั่งยืน

เดินหน้าขยายธุรกิจเมินเศรษฐกิจซบ

“อดิศักดิ์“ โฟกัสให้เห็นการเติบโตแต่ละธุรกิจ ว่า บริษัท เจมาร์ท โมบาย ตั้งเป้ากำไรปีนี้โตเท่าตัวที่ 400 ล้านบาท ขณะที่ SINGER ปี 64 กำไร 700 ล้านบาท ทำ All time high มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ 135 ปี ตั้งแต่ทำธุรกิจในไทย สิ้นปี 64 มีมูลค่าพอร์ตเช่าซื้อ 19,000 ล้านบาท มีลูกค้าสินเชื่อเช่าซื้อ 1 ล้านคน และปี 65 จะโตได้อีก 75% หลังจากเข้าไปปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ทั้งหมด

ส่วน JMT ปัจจุบันพอร์ตสินเชื่อ 40,000 ล้านบาท ใหญ่ที่สุดในธุรกิจติดตามหนี้ของไทย โดยในปีนี้ตั้งงบซื้อหนี้เสียเข้ามาบริหารอีก 10,000 ล้านบาท รวมถึงการตั้งบริษัทร่วมทุนบริหารหนี้ (JV AMC) กับธนาคารกสิกรไทย รวมถึงสถาบันการเงินอีกหลายแห่งติดต่อเข้ามาขณะที่ยังมีสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้บริษัท เคบี เจ แคปปิตอล ที่ร่วมทุนกับ KB kookmin Card จากเกาหลีใต้ ยังคงเติบโตได้อีกมาก ขณะที่ บมจ.เจเอเอสแอสเซ็ท (J) ยังคงเดินหน้าพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ตั้งเป้าขยายศูนย์การค้าชุมชน (คอมมูนิตี้) 1 สาขาต่อปี พร้อมขยายตลาดเฮลท์แคร์เพิ่มขึ้น

ผนึกพันธมิตรหวังเติบโตก้าวกระโดด

“เราเริ่มขายโทรศัพท์ ลูกค้าไม่มีเงินพอ จึงสร้างธุรกิจให้สินเชื่อเงินผ่อนก่อนจะขยายไปซื้อ “ซิงเกอร์” ขยายสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อรถยนต์รถบรรทุก และเมื่อมีหนี้ จึงเกิดธุรกิจรับจ้างติดตามหนี้ ขยายไปสู่การซื้อหนี้สถาบันการเงินมาบริหาร รวมทั้งรุกไปธุรกิจประกัน และนายหน้าประกัน และจากนี้เราก็รุกใช้ เทคโนโลยีนวัตกรรมเข้ามาช่วยจัดการธุรกิจ จนนำไปสู่บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด”

นอกจากการออกเหรียญ Jfin coin และพัฒนาโปรเจกต์ใหม่ๆหลังเปิดตัว J NFT และมี J Metaverse และมีแผนนำ Jfin coin มาใช้เป็นประโยชน์ใน Ecosystem ของเครือ
เจมาร์ท และพันธมิตร รวมทั้งตั้งงบ 2,000 ล้านบาท เพื่อเข้าลงทุนกิจการใหม่ๆเพิ่มเติม
“อดิศักดิ์” ฉายภาพต่อว่าพันธมิตรกลุ่มบีทีเอส จะเข้ามาร่วมกันผนึกพลัง SYNERGY ที่จะทำให้ JMART โตอย่างก้าวกระโดด เพราะจะต่อยอดสร้างธุรกิจร่วมกัน ซึ่งปัจจุบันเจมาร์ทมีดาต้าในกลุ่มมากกว่า 7 ล้านคน โดยเป็นลูกค้า SINGER ราว 1 ล้านคน ลูกค้าธุรกิจมือถือเจมาร์ท โมบายล์ 1.5 ล้านคน ลูกค้า JMT 4 ล้านคน และผู้ที่ถือเหรียญ Jfin coin ซึ่งอยู่ภายใต้ของบริษัท เจ เวนเจอร์ส รวมกันกว่า 700,000 ราย ซึ่งจะมีการเชื่อมต่อ Ecosystem ของพันธมิตรอย่างบีทีเอสที่มีลูกค้าใช้บริการในกลุ่มกว่า 20-30 ล้านคน ซึ่งจะต่อยอดเครือข่ายลูกค้าให้เครือข่ายของเจมาร์ทเพิ่มมากขึ้น โดยตั้งเป้าจาก 7 ล้าน เพิ่มเป็น 20 ล้านรายในอนาคตได้เห็นอย่างแน่นอน!!


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ