สิงคโปร์ฟื้นฟู อุตสาหกรรมไมซ์ หลังโควิด-19 ทำซบเซา เล็งใช้ Hybridization Event หวังเป็น Hub ของโลก ดึงเงินกลับประเทศ
เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 64 โจ ชู ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวสิงคโปร์ ประจำประเทศไทย หรือ STB กล่าวว่า ก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กลุ่มอุตสาหกรรมไมซ์ หรือ MICE ถือเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีบทบาทขับเคลื่อนเศรษฐกิจของสิงคโปร์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ประเทศมากถึง 3.8 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราว 9.3 หมื่นล้านบาทต่อปี เกิดการจ้างงานในระบบอุตสาหกรรมกว่า 34,000 อัตรา แต่จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จำนวนนักท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศได้ลดลงตามมาตรการความปลอดภัย
นอกจากจะส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแล้ว ยังส่งผลโดยตรงต่อธุรกิจงานอีเวนต์ และธุรกิจที่เกี่ยวข้องอีกด้วยมีผลให้การจัดงานอีเวนต์ในประเทศสิงคโปร์ลดลงกว่า 95% แต่ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมารัฐบาลสิงคโปร์จับมือทำงานร่วมกับเจ้าของธุรกิจโดยตรงเพื่อรับฟังปัญหาและต่อยอดไปสู่แนวทางแก้ไขให้อุตสาหกรรมไมซ์กลับมาคึกคักอีกครั้งและวางแผนให้ธุรกิจสามารถอยู่ร่วมกับโควิด-19 ให้ได้ เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไป
ล่าสุด การท่องเที่ยวสิงคโปร์ หรือ Singapore Tourism Board ร่วมมือกับหน่วยงานส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการสิงคโปร์ หรือ Enterprise Singapore วางโรดแม็ปการปรับตัวของอุตสาหกรรมไมซ์ เพื่อสร้างมาตรฐานในการจัดงานอีเวนต์ภายในประเทศ โดยผู้จัดงานจะต้องปฏิบัติตามมาตรการการจัดการเพื่อความปลอดภัย (Safe Management Measures: SMMs) อย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัยของผู้เข้าร่วมประชุมและตัวผู้จัดงานเองโดยได้แบ่งออกเป็น 2 แนวทางดังนี้
1. กำหนดมาตรฐานความปลอดภัยในการจัดงานอีเวนต์ หรือ SG Safe Event Standard และ 2. ส่งเสริมและผลักดันการจัดงานในรูปแบบไฮบริด หรือ Hybridization Event จากผลสำรวจของการท่องเที่ยวสิงคโปร์พบว่า 60% ของผู้เข้าร่วมงานอีเวนต์ ยังรู้สึกไม่สบายใจที่ต้องเข้าร่วมงานที่มีคนมากกว่า 300 คน เพราะยังกังวลการแพร่ระบาดของโควิด-19
ทางการสิงคโปร์จึงเร่งผลักดันให้เกิดการการจัดงานในรูปแบบไฮบริด ที่ผสมผสานการจัดงานทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ จำกัดจำนวนผู้เดินทางมาร่วมงาน แต่เพิ่มจำนวนผู้ร่วมงานผ่านออนไลน์ โดยดึงนวัตกรรมการสื่อสารผนวกกับเทคโนโลยีโลกเสมือนจริง ซึ่งรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณสนับสนุนเพื่อผลักดันให้ธุรกิจออร์กาไนเซอร์ปรับตัวสู่การจัดไฮบริดอีเวนต์ที่ทั้งมีคุณภาพและประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ภาครัฐได้ทำงานร่วมกับภาคธุรกิจจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจ หรือ Emerge Stronger Taskforce เพื่อให้ความรู้ในด้านนวัตกรรมโมเดลธุรกิจ หรือ Business Model Innovation ทั้งในเชิงทฤษฎีและปฏิบัติ รวมทั้งวิเคราะห์ความเสี่ยงและหาโอกาสทางธุรกิจ
รวมถึงสร้างเครือข่ายชุมชนผู้จัดงานอีเวนต์ (Event Community Network) ซึ่งการปรับตัวสู่การจัดอีเวนต์ไฮบริดช่วยสร้างรายได้เพิ่มให้แก่เจ้าของธุรกิจ เพราะมีผู้เข้าร่วมงานได้มากขึ้นกว่าการจัดงานแบบเดิม (Physical Event) ที่ถูกจำกัดจำนวนผู้ร่วมงานด้วยพื้นที่ และจากผลสำรวจพบว่า 81% ของออร์แกไนเซอร์ต้องการเรียนรู้และพร้อมที่จะจัดงานในรูปแบบใหม่ๆ
โจ บอกอีกว่า ในปี 63 ที่ผ่านมา สิงคโปร์ประสบความสำเร็จในการจัดงานอีเวนต์ในรูปแบบไฮบริดมากมาย อาทิ งานแสดงสินค้าทราเวลรีไวฟ์ หรือ Travel Revive the new standard for MICE Event งานเทรดโชว์ด้านการท่องเที่ยวระดับนานาชาติเวทีแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่จัดขึ้นในรูปแบบไฮบริด ณ ศูนย์การประชุมและนิทรรศการแซนด์ส เอ็กซ์โป แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ โดยมีผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศเข้าร่วมชมงานกว่า 1,000 คน
นอกจากนี้ยังมีการประชุม Singapore International Energy Week Conference 2020 ที่จัดขึ้น ณ ไฮบริด บรอดคาสตท์ สตูดิโอ ภายในงานมีการใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น เวทีสามมิติ โฮโลแกรม โดยผสมผสานเทคโนโลยีโลกเสมือนรูปแบบ AR VR และ XR เข้าด้วยกันก้าวข้ามขีดจำกัดด้านสถานที่และเวลา ไม่ว่าจะอยู่มุมใดของโลกก็สามารถเข้าร่วมงานได้เสมือนจริง
รวมทั้งยังมีทริปท่องเที่ยวเสมือนจริงไปกับแอร์บีเอ็นบี (Online Experience Singapore with Airbnb) งานฟรี ไฟเออร์ เวิลด์ ซีรีส์ 2021 (Free Fire World Series 2021) งานเทศกาลศิลปะนานาชาติสิงคโปร์ ครั้งที่ 21(SIFA 2021) และนิทรรศการประติมากรรมเป่าแก้ว Glass in Bloom by Dale Chihuly เป็นต้น งานเหล่านี้ล้วนใช้เทคโนโลยีทันสมัยเพื่อให้การจัดงานไฮบริดประสบความสำเร็จและดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกเข้าชมงานแทบทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นตัวอย่างเพียงบางส่วนที่สิงคโปร์ร่วมมือกับผู้ประกอบการในการสนับสนุนและฟื้นฟูอุตสาหกรรมไมซ์ โดยมุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ ซึ่งไม่เพียงจะทำให้สิงคโปร์เข็มแข็งขึ้น แต่ยังเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำในฐานะศูนย์กลางทางธุรกิจและการจัดงานในระดับภูมิภาคและระดับโลกอีกด้วย ทั้งยังเป็นการเดินหน้าสู่การใช้ชีวิตปกติ ด้วยการฟื้นฟูการท่องเที่ยว ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แม้โควิดยังระบาดทั่วโลก.