นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่ทางการเมียนมาได้ประกาศงดการนำเข้าสินค้าเครื่องดื่ม 5 รายการชั่วคราว ได้แก่ เครื่องดื่มทุกประเภท เช่น น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง, เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกาแฟ และชา, กาแฟสำเร็จรูป, นมข้นหวาน และนมข้นว่า ได้รับรายงานจากทูตพาณิชย์ไทย ประจำกรุงย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาว่า ในวันที่ 1 พ.ค.นี้ เป็นต้นไป ทางการเมียนมามีคำสั่งเรื่องสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดื่ม โดยจะระงับการนำเข้าผ่านด่านทางบก แต่ให้ส่งออกผ่านด่านทางเรือแทน ซึ่งตนได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และกรมการค้าต่างประเทศ เร่งเจรจากับเมียนมาถึงสาเหตุการออกคำสั่งดังกล่าว และหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน ซึ่งได้เจรจาแล้วเมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา
“สินค้าที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดื่ม ประเทศไทยส่งออกไปเมียนมาปีละประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยสินค้าเครื่องดื่มที่เมียนมาระงับนำเข้าทางบก ซึ่งคาดว่า หากให้นำเข้าทางเรือแทน จะทำให้สินค้าไทยมีต้นทุนการขนส่งเพิ่มขึ้น จากปัจจุบัน ที่ไทยนำเข้าทางบกผ่านด่านการค้า 3 แห่งคือ แม่สอด จ.ตาก, แม่สาย จ.เชียงราย และระนอง”
ส่วนในช่วงสถานการณ์โควิดระบาดรอบใหม่นี้ ได้เร่งรัดให้กรมการค้าภายใน และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ เข้มงวดในการกำกับดูแลราคาสินค้าและบริการ ทั้งในตลาดออฟไลน์และออนไลน์ โดยเฉพาะค่าบริการจัดส่งสินค้าถึงบ้าน (ธุรกิจดีลิเวอรี) เพื่อไม่ให้เอาเปรียบประชาชน โดยสินค้าต้องติดป้ายแสดงราคา หรือบางรายการ จะขึ้นราคาขายต้องขออนุญาตก่อน แต่ยืนยันว่า จนถึงขณะนี้ ยังไม่อนุญาตให้ผู้ประกอบการปรับขึ้นราคาขายได้ โดยเฉพาะปุ๋ยเคมี ได้ขอให้ตรึงราคาไว้ก่อน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่เมียนมาห้ามนำเข้าสินค้า 5 รายการ เพราะต้องการแก้ปัญหาขาดดุลการค้ากับไทยจำนวนมาก และในช่วง 2 เดือนแรกปี 64 (ม.ค.-ก.พ.) เมียนมานำเข้าสินค้าดังกล่าวจากไทยเพิ่มขึ้นถึง 10%.