นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้ดีขึ้นหดตัว -7.5% จากเดิมหดตัว -8.9% เป็นผลจากไตรมาส 2 ปี 63 ที่ผ่านมาเศรษฐกิจหดตัว -12.2% ซึ่งน้อยกว่าที่คาดไว้ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอาจไม่ต่อเนื่อง เพราะหากมีการล็อกดาวน์จะกระทบส่งออกและการบริโภคในประเทศ “เศรษฐกิจไทยต้องใช้เวลาอีก 3 ปี จึงจะกลับมาเติบโตอีกครั้ง หากมีวัคซีนและควบคุมโควิด-19 ได้จะทำให้นักท่องเที่ยวกลับเข้ามาในประเทศได้ ซึ่งประเมินกลางปี 64 จะมีนักท่องเที่ยวเข้าประเทศราว 6 ล้านคน โดยปี 64 เศรษฐกิจไทยจะเติบโต 2.8%”
ส่วนการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯนั้น หากโดนัลด์ ทรัมป์ชนะน่าจะเป็นผลบวกต่อไทย เนื่องจากสงครามการค้าใกล้จบ, นโยบายของทรัมป์ส่งผลให้บริษัทจีนย้ายฐาน ซึ่งทำให้ไทยได้รับอานิสงส์ แต่หากโจ ไบเดนชนะ ไทยจะได้ประโยชน์หากเข้าร่วม CPTPP (Comprehensive and Progressive Trans-pacific Partnership : ความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก) เนื่องจากไบเดนจะอาศัยความร่วมมือจากพันธมิตรในการโอบล้อมจีน แต่การเผชิญหน้าระหว่างสหรัฐฯและจีนไม่ได้ลดทอนความเข้มข้นลง
นางสาวกัณญภัค ตันติพิพัฒนพงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า สรท.ได้ประเมินมูลค่าส่งออกสินค้าไทยในปี 64 จะขยายตัว 5% โดยมีปัจจัยจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว ส่วนในปี 63 สรท.ปรับคาดการณ์ส่งออกไทยใหม่ เป็นติดลบ 7% จากเดิมที่คาดติดลบ 10% ถึงลบ 8% เพราะการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะไตรมาส 3 มีอัตราการติดลบน้อยลง ส่วนการเลือกตั้งสหรัฐฯนั้น ไม่ว่าใครมา มีทั้งผลดี-เสีย.