ภาพรวมเศรษฐกิจไทย หลังจาก โครงการพักหนี้และดอกเบี้ย ของ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ครบกำหนด 22 ตุลาคม และไม่มีการต่ออายุ ก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่กลัวกัน คุณธัญญนิตย์ นิยมการ ผู้ช่วยผู้ว่าการแบงก์ชาติ เปิดเผยว่า 6 เดือนในโครงการคลินิกแก้หนี้ ตั้งแต่เมษายน-กันยายน 63 พบว่า มีลูกหนี้ 94% ที่ชำระค่างวดอย่างต่อเนื่อง มีเพียง 6% เท่านั้น ที่ชำระหนี้ไม่ไหว
ธปท.จึงสรุปว่า มาตรการช่วยเหลือของ โครงการคลินิกแก้หนี้ สามารถตอบโจทย์ลูกหนี้และเจ้าหนี้ได้ ลูกหนี้ที่ไม่สามารถผ่อนชำระหนี้ก็ไม่มีประวัติเสียเรื่องผิดนัดชำระหนี้
คุณธัญญนิตย์ อธิบายถึงเหตุผลที่ ธปท.ปรับปรุงและขยายมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เป็นการเฉพาะราย (ไม่รวมลูกหนี้ที่สามารถชำระหนี้ได้) ต่อไปอีก 9 เดือนจนถึงเดือนมิถุนายน 2564 เพื่อแบ่งเบาภาระของลูกหนี้ว่า เนื่องจาก ธปท.เห็นว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยยังไม่แจ่มใสนัก อาจใช้เวลาอีกสักพักก่อนจะฟื้นตัวกลับสู่ระดับปกติ โดย “ยาสูตรที่สอง” ของแบงก์ชาติ มีโปรโมชันพิเศษคือ จ่ายเท่าที่ไหว ลดดอกเบี้ยให้อีก 1-2% เพื่อลดภาระให้กับผู้ผ่อนชำระต่อเนื่อง ยิ่งจ่ายมากยิ่งได้ลดมาก ดอกเบี้ยที่ลดลงจะนำไปตัดเงินต้น ทำให้หนี้หมดเร็วขึ้น โดย กลุ่มที่จ่ายค่างวดเฉลี่ยมากกว่า 80% ในช่วง 9 เดือนข้างหน้า จะได้รับการลดดอกเบี้ย 2% และ กลุ่มที่จ่ายค่างวดเฉลี่ย 40–79.99% ใน 9 เดือนข้างหน้า จะได้รับการลดดอกเบี้ย 1%
แบงก์ชาติ ยังใจดีแถมโปรโมชันจูงใจให้ ผู้ที่สมัครเข้าโครงการช่วงเดือนตุลาคม 63-มิถุนายน 64 ถ้าผ่านจะได้รับสิทธิลดดอกเบี้ยเพิ่ม 1-2% ด้วย ตามนโยบาย “เราจะปรับโครงสร้างหนี้ร่วมกัน เพื่อสู้ภัยเศรษฐกิจจากโควิด-19” ก็ถือเป็นครั้งแรกที่แบงก์ชาติลงมาช่วย
แบงก์แก้ปัญหาหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
คุณอภิพันธ์ เจริญอนุสรณ์ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ก็เปิดเผยว่า เมื่อสิ้นสุดโครงการพักหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยของแบงก์ชาติ
วันที่ 22 ตุลาคมแล้ว คาดว่า ธุรกิจเอสเอ็มอี ที่ออกจากโครงการพักหนี้ จะกลับมาชำระหนี้ได้ราว 70% มีทั้งลูกหนี้ที่ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ และลูกหนี้ที่มีศักยภาพในการชำระหนี้อยู่แล้ว แต่ราว 30% ยังต้องได้รับการช่วยเหลือจากธนาคารผ่านมาตรการต่างๆเพิ่มเติมต่อไปอีก 9 เดือน จนถึงมิถุนายน 64 ส่วนใหญ่เป็น ลูกหนี้ในธุรกิจโรงแรม เพราะการท่องเที่ยวยังไม่กลับมา มีมูลหนี้ราว 75,000 ล้านบาท จากลูกหนี้ที่เข้าโครงการทั้งหมด 160,000 ล้านบาท แต่บางพื้นที่การท่องเที่ยวก็กลับมาแล้ว
เขียนถึงนักท่องเที่ยวแล้วก็รู้สึกเป็นห่วง วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม นักท่องเที่ยวจีนกลุ่มที่สอง 147 คน บินตรงจาก กวางเจา ประเทศจีน ลงที่สุวรรณภูมิ เข้าพักที่โรงแรมกักกันตัวโควิด-19 ในกรุงเทพฯ เพื่อกักตัว 14 วันก่อนออกเดินทางท่องเที่ยวทั่วไทย และ นักท่องเที่ยวจีนกลุ่มที่ 3 จะบินจาก เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน มาลงที่สนามบินสุวรรณภูมิวันนี้ 28 ตุลาคม แต่ยังไม่รู้จำนวน ก็ต้องยกนิ้วให้นักท่องเที่ยวจีนผู้กล้าหาญเหล่านี้
ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน 21 ตุลาคม กระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวจีน เพิ่งประกาศลงเว็บไซต์ ห้ามบริษัทนำเที่ยวจีนนำกรุ๊ปทัวร์ไปเที่ยวต่างประเทศ และ ห้ามนำกรุ๊ปทัวร์จากต่างประเทศไปเที่ยวจีน เพราะ เสี่ยงต่อการระบาดโควิด-19 ในช่วงฤดูหนาว เนื่องจาก ไวรัสโควิด-19 ชอบอากาศหนาว เวลานี้ สหรัฐฯ ยุโรปเข้าหน้าหนาวแล้ว ไวรัสโควิด–19 ระบาดรอบ 2 รอบ 3 กันยกใหญ่แล้ว ก็ไม่รู้นักท่องเที่ยวจีนกลุ่มนี้เป็นมาอย่างไรจึงออกมาได้
ก็ได้แต่ภาวนา หนาวนี้ไทยจะรอดจากการระบาดรอบ 2 ตัวอย่าง นักท่องเที่ยวหญิงฝรั่งเศส กักตัว 14 วันยังติดเชื้อ ถ้าลดการกักตัวลงเหลือ 10 วัน 7 วัน หรือไม่กักตัวเลย ถ้ารอดก็ต้องถือว่าปาฏิหาริย์ ถ้าเกิดระบาดรอบ 2 ไม่รู้อีกกี่ปีเศรษฐกิจไทยจึงจะฟื้น?
“ลม เปลี่ยนทิศ”