"เอปสัน" ผู้นำนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีการพิมพ์และการฉายภาพของโลก เดินหน้าแนวทางการผสานจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อมเข้ากับการพัฒนานวัตกรรมและการขับเคลื่อนธุรกิจ ทั้งยังยึดกรอบปฏิบัติตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ขององค์การสหประชาชาติ ในการสร้างโปรแกรมซีเอสอาร์
เมื่อวันที่ 9 เม.ย.63 นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เอปสันตระหนักดีว่าสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนคือประเด็นสำคัญที่ทุกองค์กรธุรกิจต้องร่วมกันใส่ใจ ไม่ว่าจะเป็นการลดการใช้พลังงาน เพื่อช่วยบรรเทาภาวะโลกร้อน การรีไซเคิลกระดาษเพื่อลดการตัดไม้ การลดการสร้างมลพิษทั้งทางอากาศ น้ำ หรือลดขยะจากกระบวนการผลิต เทคโนโลยีของเอปสันจึงถูกออกแบบและพัฒนาขึ้นบนหลักการที่ว่า จะต้องสามารถนำเสนอประสิทธิภาพการทำงานที่ดีเยี่ยมให้กับผู้ใช้ สามารถรองรับปริมาณงานจำนวนมากเป็นเวลานาน โดยที่คุณภาพงานไม่ตกลง และต้องไม่สร้างผลกระทบใดๆ ต่อสภาพแวดล้อมในที่ทำงานของผู้ใช้และสังคม ผลิตภัณฑ์ของเอปสันจึงต้องสามารถช่วยองค์กรธุรกิจลดการใช้พลังงานในสำนักงาน และสร้างระบบนิเวศที่เป็นมิตรกับธรรมชาติให้เห็นได้เป็นรูปธรรม
"ตัวอย่างของเทคโนโลยีที่สร้างความตื่นตาให้กับวงการพิมพ์ก็คือ Epson PaperLab ซึ่งเป็นเครื่องรีไซเคิลกระดาษเครื่องแรกของโลก ช่วยให้ทุกออฟฟิศประหยัดค่ากระดาษและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพียงนำกระดาษที่ใช้แล้วใส่เข้าไปใน PaperLab ก็จะได้กระดาษใหม่ออกมาในไม่กี่นาที ซึ่งทุกขั้นตอนจะทำได้อย่างรวดเร็ว ไม่ซับซ้อน และไม่ต้องใช้น้ำเป็นองค์ประกอบในกระบวนการผสานเยื่อกระดาษใหม่ หรือเครื่องอิงค์เจ็ทพรินเตอร์รุ่นใหม่ ที่ไม่ใช้ความร้อนในกระบวนการพิมพ์ (Heat-Free) และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่าเลเซอร์พรินเตอร์ถึง 85% รวมไปถึงชิ้นส่วนในตัวพรินเตอร์เอง อิงค์เจ็ทพรินเตอร์ของเอปสันก็ยังมีส่วนประกอบที่ต้องเปลี่ยนทดแทนน้อยกว่าเลเซอร์พรินเตอร์ถึง 59% เนื่องจากไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนทั้งโทนเนอร์ ลูกดรัม ดีเวลลอปเปอร์โรเลอร์ ชุดฟิวเซอร์ และอื่นๆ ทำให้ช่วยลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ลงมาได้ นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มพรินเตอร์เชิงพาณิชย์เพื่ออุตสาหกรรมสิ่งทอของเอปสันยังถูกออกแบบให้สามารถช่วยลดการใช้น้ำในกระบวนการพิมพ์ลงถึง 60% ทำให้ไม่ก่อให้เกิดมลพิษจากสารเคมี และยังลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้มากถึง 55% อีกด้วย"
ซึ่งสอดรับกับนโยบายของบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น บริษัท ไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น ได้เคยประกาศวิสัยทัศน์ของกลุ่มบริษัทเอปสันในงาน Epson 25 Corporate Vision เมื่อปี 2559 ไว้ว่า เอปสันต้องการดำเนินธุรกิจเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน และต้องแสดงถึงความรับผิดชอบในการส่งเสริมความเป็นอยู่ของผู้คนให้ดียิ่งขึ้น และนำความสุขมาสู่สังคมด้วยวิธีการที่ยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ Sustainable Development Goals (SDG) ขององค์การสหประชาชาติ เพราะทุกวันนี้ความคาดหวังของคนทั่วโลกต่อองค์กรธุรกิจให้ดำเนินกิจการโดยคำนึงถึงการเติบโตควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืนกำลังทวีความสำคัญเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
นายยรรยง กล่าวว่า เป้าหมายดังกล่าวเป็นที่มาของการกำหนดแนวทางของโปรแกรมซีเอสอาร์ ซึ่งบริษัทฯ ได้ยึดตามกรอบปฏิบัติของ SDG โดยให้น้ำหนักในด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตของทรัพยากรมนุษย์และการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งล่าสุดทางบริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด ได้ร่วมกับ ผศ.ดร.เวชสวรรค์ หล้ากาศ และโครงการ Green Road ในการผลิตถุงผ้าจากวัสดุรีไซเคิล เพื่อนำไปแลกถุงพลาสติกจากเหล่าพนักงานบริษัทตามอาคารสำนักงานทั่วกรุงเทพฯ ภายใต้แนวคิด "From Plastic to Fabric" ทั้งยังเป็นการขานรับนโยบายงดใช้ถุงพลาสติกตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ออกกฎบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา
นายยรรยง กล่าวต่อว่า ภายใต้กิจกรรมดังกล่าว เอปสันได้โร้ดโชว์ไปยังอาคารสำนักงาน 10 แห่งทั่วกรุงเทพฯ ได้แก่ เอ็มไพร์ ทาวเวอร์, อิตัลไทย ทาวเวอร์, อาคารอินเตอร์เชนจ์ 21, เมืองไทยภัทร คอมเพล็กซ์, จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ทาวเวอร์, ยูไนเต็ด เซ็นเตอร์, ไซเบอร์เวิลด์ ทาวเวอร์, สาทร ซิตี้ ทาวเวอร์, อาคารมาลีนนท์ และเสริมมิตรทาวเวอร์ เพื่อนำถุงผ้ารักษ์โลก ซึ่งมีการพิมพ์ลายด้วย Epson SureColor SC-F2130 พรินเตอร์ระบบ Direct-to-Garment สำหรับงานสร้างสรรค์เครื่องแต่งกายและสินค้าแฟชั่น ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีหัวพิมพ์ PrecisionCore โดยกิจกรรมได้รับความสนใจจากผู้คนจำนวนมาก และสามารถรวบรวมถุงพลาสติกได้มากถึงกว่า 30,000 ใบ
สำหรับถุงพลาสติกที่รวบรวมมาได้นั้น ได้ถูกส่งต่อให้โครงการ Green Road เป็นผู้คัดแยกและแปลงสภาพเป็นอิฐบล็อก เพื่อใช้ปูพื้นลานกิจกรรมและทางเดิน ภายในวัดต่างๆ ของจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อใช้เป็นสาธารณประโยชน์ของผู้คนในชุมชนต่อไป
"บล็อกปูพื้นที่ได้จากการรีไซเคิลถุงและขวดพลาสติก มีความแข็งแรงได้มาตรฐาน รับแรงสั่นสะเทือนได้ดี มีน้ำหนักเบา สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง ที่สำคัญเป็นวิธีการกำจัดขยะพลาสติกในสังคมได้อย่างมีคุณภาพ เอปสันจึงมองว่าเป็นโครงการที่มีประโยชน์ต่อสังคมไทยในขณะนี้ และสอดคล้องกับแนวทางซีเอสอาร์ของบริษัทฯ และจากกิจกรรมครั้งนี้ยังเห็นได้ชัดว่าคนกรุงเทพฯ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อมและการเติบโตอย่างยั่งยืนของสังคมไทยกันมากขึ้น ซึ่งนั่นเป็นการตอกย้ำถึงจุดยืนและแนวทางในการดำเนินธุรกิจของเอปสันได้เป็นอย่างดี ในปัจจุบัน ไม่มีองค์กรธุรกิจใดสามารถเติบโตขึ้นโดยไม่คำนึงถึงสังคมและสิ่งแวดล้อม การผสานจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อมเข้ากับการพัฒนานวัตกรรมและธุรกิจที่เอปสันยึดมั่น จึงเป็นคำตอบการอยู่รอดและเจริญก้าวหน้าในโลกยุคดิจิทัลนี้" นายยรรยง กล่าว.