นายสมพร อิศวิลานนท์ นักวิชาการอาวุโส สถาบันคลังสมองของชาติ เปิดเผยว่า เป็นห่วงอุตสาหกรรมข้าวไทยจะล้มละลาย โรงสีจะต้องทยอยปิดกิจการจำนวนมาก หลังจากรัฐบาลเดินหน้าประกันรายได้ให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ข้าราชการที่รับผิดชอบการพัฒนาพันธุ์ข้าวไม่สามารถทำให้ความหอมของข้าวหอมมะลิคงอยู่ เป็นข้าวพรีเมียมที่ราคาสูงกว่าคู่แข่งเกือบ 100% ครองส่วนแบ่งทางการตลาด (มาร์เกตแชร์) ของตลาดรวม เห็นได้ชัดจากการส่งออกเริ่มถูกเบียดจากตลาดคู่แข่งอย่างเวียดนาม ที่เมื่อ 8 ปีก่อน เวียดนามส่งออกข้าวประมาณ 800,000 ตัน ปัจจุบันส่งออก 2 ล้านตัน โดยปี 2561 จีนนำเข้าจากเวียดนาม 600,000 ตัน ขณะที่จีนและฮ่องกงนำเข้าจากไทยรวม 300,000 ตัน
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าเวียดนามไม่เคยหยุดพัฒนาพันธุ์ มีการพยายามลดต้นทุน เพิ่มสัดส่วนรายได้ของชาวนาต่อไร่ให้มากขึ้น โดยหากเทียบการทำนาของชาวนาเวียดนามข้าว 1 ตัน จะมีกำไรประมาณ 5,000 บาท เพราะต้นทุนต่ำ ขณะที่ชาวนาไทยข้าว 1 ตัน จะมีกำไรเพียง 500 บาท หากรัฐบาลไม่เปลี่ยนแปลง ไม่พัฒนา ไม่นำชาวนาสู่การพัฒนาและแข่งขันบนแพลตฟอร์ม หรือสร้างสภาวะแวดล้อมใหม่ให้การประกอบอาชีพชาวนา เหมือนที่ขณะนี้ชาวนาเวียดนามทำนาบนแพลตฟอร์มใหม่แล้ว อุตสาหกรรมข้าวก็ตายกันหมด
“นโยบายแจกเงิน เอาเร็ว แบบที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ จากพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้ไม่มีการพัฒนาในเรื่องวิชาการ ไม่มีการลดต้นทุน ไม่พัฒนาพันธุ์ แบบนี้ตายกันทั้งหมด ต้นทุนสู้คู่แข่งไม่ได้ พันธุ์ข้ามหอมมะลิ ไม่หอมอีกต่อไป ในท่ามกลางที่ตลาดมีการเปลี่ยนแปลง คนลดการกินข้าวลง หันไปกินโปรตีนมากขึ้น เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจคู่ค้ามีปัญหา เงินบาทแข็งค่า คนขาย คนปลูกไม่ปรับตัว ความหอมที่หายไปเป็นปัญหาใหญ่ของอนาคตข้าวไทย บอกไม่ได้ว่าใช้เวลานานไหม ความสามารถในการแข็งขันของข้าวไทยจะหายไปจากตลาดโลก แต่คิดว่าไม่นาน”.