นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับข้อเสนอจากนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เรื่องการลดภาษีนำเข้าสินค้าแบรนด์เนม เหลือ 5% จากปัจจุบันเก็บอัตรา 30% เพื่อจูงใจนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน จึงยังไม่สามารถให้ความเห็นได้ “มีความเป็นไปได้ที่จะลดภาษีแบรนด์เนมหรือไม่นั้น ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ เพราะผมยังไม่ได้รับข้อเสนอเรื่องดังกล่าว ทุกอย่างต้องรอดูข้อเสนอก่อนถึงจะพิจารณาได้”
ด้านนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า การพิจารณาให้ลดภาษีสินค้าฟุ่มเฟือยประเภทแบรนด์เนมหรูเหลือ 5% เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการจับจ่ายใช้สอย (ช็อปปิ้ง พาราไดซ์) นั้น รัฐบาลเคยศึกษา รวมทั้งสอบถามความคิดเห็นผู้ที่เกี่ยวข้องมาหลายครั้งแล้ว แต่สุดท้ายก็ถูกพับไป สาเหตุหนึ่งมาจาก หากลดอัตราจัดเก็บภาษีนำเข้าลง สินค้าประเภทนั้นทุกยี่ห้อ เช่น กระเป๋า เครื่องหนัง จะถูกจัดเก็บภาษีในอัตราเดียวกัน แม้ไม่ใช่สินค้าแบรนด์เนมก็ตาม นอกจากนี้ ไทยยังไม่ถูกจัดอยู่ในประเทศที่เป็นฐานจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมแบบญี่ปุ่น หรือฮ่องกง ดังนั้น การลดภาษีนำเข้าเพื่อผลักดันให้ไทยเป็นช็อปปิ้ง พาราไดซ์จึงเกิดขึ้นได้ยาก
“สำหรับในแง่รายได้จากการท่องเที่ยว ไทยไม่ได้รับรายได้จากการซื้อสินค้าแบรนด์เนมของนักท่องเที่ยวมากนัก เพราะไทยต้องนำเข้า ไม่ได้ผลิตเอง อีกทั้งนักท่องเที่ยวยังขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) จากกรมสรรพากรได้อีก ส่วนการใช้มาตรการภาษีกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวมาช็อปปิ้งในไทยมากขึ้น จะได้ผลมากน้อยเพียงใด ต้องพิจารณาปัจจัยอื่นๆด้วย เช่น สินค้าแบรนด์เนม มีรุ่นที่หลากหลายให้เลือกหรือไม่ ถ้าไม่หลากหลาย หรือเป็นสินค้าตกรุ่น แม้ราคาจะต่ำลง เพราะมีการลดภาษีให้ก็อาจไม่มีคนซื้อ เป็นต้น”.