นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ไปหาทางออกรูปแบบการลงทุนของรัฐบาลในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรม จากเดิมใช้วิธีการร่วมลงทุนระหว่างรัฐบาลและเอกชน (พีพีพี) วงเงิน 122,000 ล้านบาท แต่กระทรวงการคลังรายงานว่าถ้ารัฐลงทุนงานโยธาและเอกชนลงทุนเดินรถ รัฐจะใช้เงินเพียง 90,000 ล้านบาท จึงขอให้ไปเปรียบเทียบข้อดี ข้อเสีย ให้ชัดเจนและเลือกที่ดีที่สุดมาเสนอภายใน 2 สัปดาห์ ฉะนั้นจะยังไม่นำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 1 ต.ค.นี้
“ผมต้องการทางเลือกที่คุ้มค่ามากที่สุด ขอให้ฟันธงมาและสงสัยว่าทำไมต้องเสนอใช้วิธีพีพีพี ในเมื่อสายสีส้มตะวันออกช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี ยังเลือกให้รัฐลงทุนงานโยธา 80,000 ล้านบาทไปแล้ว ผมไม่รู้ว่ารัฐบาลก่อนคิดยังไง แต่ตอนนี้ผมมาดูตรงนี้ ก็ต้องการให้รัฐประหยัด แต่อย่าไปพาดหัวว่าผมไม่เอาพีพีพี สิ่งที่ผมต้องการคือทางเลือกที่ดีที่สุด”
ส่วนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ได้สั่งการให้ยึดผู้ชนะการประมูลคือกลุ่มกิจการบริษัทเจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้งและพันธมิตร (CPH) เป็นหลัก อะไรที่ยอมเขาได้ให้ยอม อะไรที่เจรจากันไม่จบให้ยึดเอาทีโออาร์เป็นหลัก เพื่อเซ็นสัญญาให้ได้ในวันที่ 15 ต.ค.นี้ ส่วนค่าย้ายสาธารณูปโภค 200 ล้านบาท ได้บอกให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ยอมๆไปดีกว่าไม่จบ แล้วไปเอาผู้แพ้ซึ่งราคาสูงกว่า 50,000 ล้านบาท ฉะนั้นไม่เอาผู้ประมูลแพ้ เพราะเงินลงทุนจะเพิ่มและไม่เปิดประมูลใหม่
นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ได้สั่งให้คณะกรรมการคัดเลือกโครงการรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน แจกแจงประเด็นข้อดีข้อเสียในเอกสารให้ครบถ้วน และชี้ให้ชัดเจนว่าเป็นความรับผิดชอบของรัฐหรือเอกชน เพื่อนำเสนอนายอนุทินพิจารณาภายในวันนี้ (26 ก.ย.) “เรื่องเงิน 200 ล้านบาท ท่านรองนายกฯอนุทิน บอกว่า ยินดีใช้เงินส่วนตัวจ่ายให้ ถ้าเป็นประเด็นที่จะทำให้โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
เดินหน้าต่อไปได้ เพื่อประโยชน์ของประเทศและพี่น้องประชาชน”.