ส่งออก มิ.ย.62 ยังลดต่อ 2.15% เหตุผลกระทบสงครามการค้ายังตามมาหลอน ฉุดอิเล็กทรอนิกส์-สินค้าอุตสาหกรรมหลักร่วงหมด แต่ได้ทองคำที่โตกว่า 300% มาหนุน ทำให้ส่งออกลดลงแบบชะลอตัว ทั้งปีถ้าส่งออกได้เดือนละ 2.1 หมื่นล้านเหรียญโตได้แน่ 1-2%
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยถึงสถิติการค้าระหว่างประเทศของไทยว่า เดือน มิ.ย.62 การส่งออกมีมูลค่า 21,409.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 2.15% เมื่อเทียบกับเดือน ก.ค.61 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ของปีนี้ แต่ลดลงในอัตราชะลอตัว จากเดือนพ.ค.62 ที่ลดลงมากถึง 6.20% เมื่อคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 676,838.4 ล้านบาท ลดลง 2.93% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 18,197.1 ล้านเหรียญ ลดลง 9.44% เมื่อคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 583,093.8 ล้านบาท ลดลง 10.17% โดยเกินดุลการค้า 3,212.2 ล้านเหรียญ หรือ 93,744.6 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เมื่อหักมูลค่าส่งออกทองคำ และสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันแล้ว ส่งออกเดือน มิ.ย.62 จะติดลบสูงถึง 8% เพราะมูลค่าส่งออกทองคำสูงมาก ขยายตัวสูงถึงกว่า 300%
ขณะที่ในช่วง 6 เดือน (ม.ค.-มิ.ย.) ปี 62 การส่งออกมีมูลค่า 122,970.6 ล้านเหรียญ ลดลง 2.91% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เมื่อคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 3.881 ล้านล้านบาท ลดลง 2.73% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 119,027.4 ล้านเหรียญ ลดลง 2.41% เมื่อคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 3.812 ล้านล้านบาท ลดลง 2.10% โดยเกินดุลการค้า 3,943.2 ล้านเหรียญ หรือ 69,067.8 ล้านบาท
สาเหตุที่ส่งออกลดลงเพราะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า (เทรดวอร์) ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะสินค้าลอต 2 ที่สหรัฐฯขึ้นภาษีนำเข้าจีนเป็น 25% มูลค่า 200,000 ล้านเหรียญ ส่วนใหญ่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วน โดยสินค้าเหล่านี้ของไทยอยู่ในห่วงโซ่การผลิตของจีน จึงทำให้การส่งออกสินค้ากลุ่มนี้ไปจีนลดลง รวมถึงการส่งออกยังลดลงในสินค้ารถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ, เครื่องคอมพิวเตอร์ และส่วนประกอบ, แผงวงจรไฟฟ้า, เครื่องจักรกล และส่วนประกอบ, น้ำมันสำเร็จ ฯลฯ อย่างไรก็ตาม ยังมีมูลค่าการส่งออกทองคำมาชดเชย เพราะเดือน มิ.ย.ส่งออกสูงถึง 317.4% รวมถึงยังส่งออกสินค้าอื่นๆไปตลาดสหรัฐฯแทนสินค้าจีนได้มากขึ้น การส่งออกจึงลดลงแบบชะลอตัว
“แม้มูลค่าส่งออกสินค้าที่ทดแทนสินค้าจีนในตลาดสหรัฐฯและบางตลาดจะเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่สามารถชดเชยกับมูลค่าส่งออกกลุ่มอุตสาห-กรรมหลักที่ลดลงจากสงครามการค้าได้ แต่นับว่าดี เพราะส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าเกษตร และสินค้าเอสเอ็มอี ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินตกอยู่ในประเทศมากขึ้น”
น.ส.พิมพ์ชนก กล่าวต่อว่า ไตรมาส 3
คาดว่า มูลค่าส่งออกจะยังติดลบ เพราะยังได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า ประกอบกับเดือน มิ.ย.62 การนำเข้าลดลง 9.4% ส่วนใหญ่ลดลงในสินค้าทุน และสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อการผลิตเพื่อส่งออกในระยะต่อไป แต่หวังว่าผลกระทบน่าจะถึงจุดต่ำสุด แล้ว และคาดว่าหากสหรัฐฯขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนลอตสุดท้ายในเร็วๆนี้ อีก 300,000 ล้านเหรียญ จะไม่กระทบการส่งออกไทยแล้ว เพราะส่วนใหญ่เป็นสินค้าสำเร็จรูป ส่วนไตรมาส 4 น่าจะดีขึ้น เพราะการย้ายฐานผลิตของประเทศต่างๆ มาไทยเพื่อหนีสงครามการค้า จะเป็นรูปธรรมมากขึ้น “ถ้าเดือน ก.ค.-ธ.ค.62 ส่งออกได้เดือนละ 20,000 ล้านเหรียญ ส่งออกไทยทั้งปีจะโตได้ 0% จากปี 61 แต่ถ้าได้เดือนละ 21,000 ล้านเหรียญขึ้นไป จะเป็นบวกได้ 1-2%”.