“สัตว์ปีกไทย” จ่อรับมือพิษ “เบร็กซิต”

นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ตามที่กรมได้ติดตามกรณี ที่สหราชอาณาจักร (ยูเค) ถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู) หรือเบร็กซิต มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการแก้ไขตารางข้อผูกพันภาษีที่ไทยและประเทศอื่นจะได้รับการจัดสรรโควตานำเข้าจากอียู และยูเคภายหลังการถอนตัว จากเดิมที่ไทยเคยได้รับจากอียู 28 ประเทศ (รวมยูเคก่อนการถอนตัว) ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้อียูได้ออกประกาศระเบียบการจัดสรรโควตานำเข้าสินค้าสัตว์ปีก กำหนดสัดส่วนโควตาระหว่างอียู 27 ประเทศ และยูเค ที่จะมีผลบังคับใช้ภายหลังการถอนตัว

โดยพบว่า จากการจัดสรรโควตาสัตว์ปีกที่ไทยสามารถใช้ได้ ประกอบด้วย ไก่หมักเกลือ ซึ่งเดิมกำหนดโควตานำเข้าอียู 28 ประเทศ ที่ 92,610 ตัน แต่หลังเบร็กซิต อียู 27 ประเทศกำหนดโควตานำเข้าจากไทยที่ 68,385 ตัน และยูเค 24,225 ตัน ไก่แปรรูป เดิมให้โควตา 176,133 ตัน แต่หลังเบร็กซิต อียู 27 ประเทศ 118,622 ตัน และยูเค 57,511 ตัน และเป็ดแปรรูป เดิม 14,710 ตัน ภายหลังเบร็กซิต อียู 27 ประเทศ 9,150 ตัน และยูเค 5,560 ตัน

ทั้งนี้ จากสถิติการส่งออกสัตว์ปีกไทยเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี หรือตั้งแต่ปี 59-61 เมื่อเทียบกับการจัดสรรโควตาหลังเบร็กซิต พบว่า สินค้าไก่หมักเกลือ มีโอกาสขยายตลาดในยูเคได้อีกมาก เพราะที่ผ่านมาไทยส่งออกไปยูเคเพียง 8,816 ตัน น้อยกว่าโควตาที่จะได้รับ ส่วนตลาดอียู คาดว่าไทยจะได้รับผลกระทบ เพราะปริมาณส่งออกสูงกว่าปริมาณที่ได้รับจัดสรร ขณะที่ไก่แปรรูป พบว่า ปริมาณการส่งออกไปยูเค และอียู สูงกว่าโควตาที่จะได้รับการจัดสรรมาก ซึ่งอาจทำให้การส่งออกในภาพรวมของไทยต่ำลง ซึ่งกระทรวงจะเร่งเจรจาปรับเพิ่มปริมาณโควตาของยูเคให้มากขึ้น

ส่วนเป็ดแปรรูป พบว่า ปริมาณการส่งออกยังไม่มากนัก โดยไทยส่งออกรวมไปทั้งอียู 27 ประเทศ และยูเค เพียง 5,696 ตัน น้อยกว่าโควตาที่ไทยได้รับการจัดสรร จึงเป็นโอกาสของที่ไทยจะขยายตลาดไปยังทั้ง 2 ตลาดนี้ให้มากขึ้น.