นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงมูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดนของไทยว่า ในช่วง 4 เดือน (ม.ค.-เม.ย.) ปี 62 มีมูลค่ารวม 458,513.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.61% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นส่งออก 256,419.01 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 1.43% และนำเข้า 202,094.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.15% โดยไทยเกินดุลการค้า 54,324.82 ล้านบาท อย่างไรก็ตามหากแยกเป็นการค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน คือ กัมพูชา ลาว เมียนมา และมาเลเซีย มีมูลค่า 369,365.44 ล้านบาท เป็นไทยส่งออก 208,714.26 ล้านบาท ไทยนำเข้า 160,651.17 ล้านบาท ไทยเกินดุลการค้า 48,063.09 ล้านบาท และการค้าผ่านแดนกับเวียดนาม สิงคโปร์ และจีนตอนใต้ 89,147.76 ล้านบาท เป็นไทยส่งออก 47,704.74 ล้านบาท ไทยนำเข้า 41,443.01 ล้านบาทไทยเกินดุลการค้า 6,261.73 ล้านบาท
สำหรับการค้าชายแดนนั้น มาเลเซียยังคงเป็นคู่ค้าอันดับ 1 มีมูลค่า 185,252.52 ล้านบาท ลดลง 0.70% รองลงมา คือ เมียนมา 65,900.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.83%, ลาว 64,519.34 ล้านบาท ลดลง 9.73% และกัมพูชา 53,692.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.09% ขณะที่การค้าผ่านแดนนั้น จีนตอนใต้เป็นคู่ค้าอันดับ 1 ด้วยมูลค่า 38,940.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59.89% เป็นไทยส่งออก 16,122.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75.13% ไทยนำเข้า 22,817.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50.62% รองลงมา คือ เวียดนาม 26,639.31 ล้านบาท ลดลง 1.94% และสิงคโปร์ 23,567.83 ล้านบาท ลดลง 9.94% ขณะที่การค้าชายแดนด้านลาวหดตัวลง เพราะจีนเข้ามาลงทุนในลาวมากขึ้น ทำให้ส่งออกสินค้ากลุ่มน้ำมันดีเซล รถยนต์ เหล็ก ชะลอตัวลง ส่วนเมียนมานำเข้าสินค้าทุนต่อเนื่อง และกัมพูชาส่งออกเครื่องดื่มได้เพิ่มขึ้น
นายอดุลย์ กล่าวว่า สงครามทางการค้าส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก รวมทั้งไทยและประเทศเพื่อนบ้าน แต่เมื่อพิจารณาจากมูลค่าการค้าชายแดนที่เพิ่มขึ้น จะเห็นได้ว่า ไทยปรับตัว และใช้วิกฤติทางการค้าเป็นโอกาสที่จะขยายการค้าชายแดนได้มากขึ้น โดยเชื่อมั่นว่า การค้าชายแดนและผ่านแดนเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะการค้าผ่านแดนไปยังจีนตอนใต้ ที่มีมูลค่าการค้าขยายตัวสูงขึ้น จากสินค้าผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็งและแห้ง โดยมูลค่าการส่งออกอาหารและผลไม้ ขยายตัวสูงถึงกว่า 50 รายการ เพราะจีนนำเข้าจากไทยทดแทนสินค้าจากสหรัฐฯ.