ด้าน ธปท.ขอเวลารอดูผลกระทบ
สินเชื่อบ้านหดวูบ! ธอส.หารือคลังขอผ่อนปรนเกณฑ์คุมแอลทีวีของ ธปท.ชี้ส่งผลธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อ่วมทั้งสาย ขณะที่ผู้ประกอบการชี้ไตรมาสแรกคนแห่โอนบ้านหนีมาตรการเพียบ ธปท.ยืนยันช่วยลดเก็งกำไร ขอเวลาอีกระยะดูผลกระทบ
นางฉัตร์รวี จิรกุลเมธาพัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ได้หารือกระทรวงการคลังเพื่อให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผ่อนปรนการใช้เกณฑ์กำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา เพราะหลังจากเริ่มใช้ยอดปล่อยสินเชื่อของ ธอส.ลดลงเหลือ 9,000 ล้านบาท จากเดือน มี.ค. มียอดสินเชื่อ 19,000 ล้านบาท เนื่องจากต้องเพิ่มเงินดาวน์ 10-20% ส่งผลให้ผู้ขอสินเชื่อตัดสินใจชะลอการยื่นกู้ ทำให้สินเชื่อของเราหายไป 50% โดยธนาคารออมสินก็ได้รายงานว่าได้รับผลกระทบอย่างมากเช่นกัน
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธอส. กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงการคลังกำลังเป็นเจ้าภาพพูดคุยเรื่องนี้อยู่ เพราะเกณฑ์ดังกล่าวส่งผลกระทบทำให้ยอดสินเชื่อบ้านลดลง รวมทั้งธุรกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องได้รับผลกระทบไปด้วย ซึ่งคลังคงต้องหารือธนาคารรัฐ และ ธปท.เพื่อขอผ่อนปรนนโยบายดังกล่าว ส่วน ธอส.นั้นในเบื้องต้น ผลกระทบของมาตรการอาจทำให้เป้าสินเชื่อทั้งปี 203,000 ล้านบาท ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
ด้านนายอดิศร เสริมชัยวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายธุรกิจรายย่อย ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า มาตรการแอลทีวีทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภาพรวมชะลอตัวลงในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา แต่ถ้าเทียบกับเดือน มี.ค. ยอดตกไป 50% เนื่องจากผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อและกระทบต่อยอดสินเชื่อที่ปล่อยในหลายกลุ่ม โดยปีนี้ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ของบ้าน 24,000 ล้านบาท 4 เดือนแรกทำไปแล้ว 7,000 ล้านบาท
ขณะที่นายธนพล ศิริธนชัย ประธานอำนวยการ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือโกลเด้นแลนด์ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีหลังนี้ยังคงต้องจับตามองปัจจัยที่มีความเสี่ยงต่อธุรกิจ เช่น มาตรการแอลทีวีที่อาจส่งผลให้ผู้ซื้อมีความลำบากในการซื้ออสังหาริมทรัพย์มากขึ้น ประกอบกับเศรษฐกิจชะลอตัวจากสงครามการค้าของสหรัฐฯและจีน และคงต้องรอนโยบายกระตุ้นภาคอสังหาฯ จากรัฐบาลใหม่ ทั้งนี้ ในส่วนของบริษัท ผลจากมาตรการแอลทีวีที่เริ่มใช้ในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมาทำให้มีลูกค้าจำนวนมากเร่งทำเรื่องโอนบ้าน ส่งผลให้ในไตรมาสแรกบริษัททำยอดขายรวมได้ 9,000 ล้านบาท รายได้รวมอยู่ที่ 4,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% และมีกำไรสุทธิที่ 657 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งก็เป็นตามเป้าที่ตั้งไว้
ด้านนายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวว่า การปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมาที่ลดลงนั้นถือเป็นการลดลงที่มีเหตุมีผล เพราะในช่วงไตรมาสแรก ผู้ซื้อขายเร่งโอนอสังหาริมทรัพย์ไปก่อนหน้าเพื่อลดผลกระทบจากมาตรการของ ธปท. และขณะที่ช่วยลดการซื้อขายในลักษณะเก็งกำไรลง โดยหลังจากนี้ ธปท.ประเมินผลการดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์อีกครั้งว่า ได้รับผลกระทบมากหรือน้อยอย่างไร.