นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้ประกอบการโมเดิร์นเทรด (Modern Trade) ประจำไตรมาส 4 ปี 61 ว่า อยู่ที่ระดับ 52.1 สูงขึ้นจากไตรมาส 3 ปี 60 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 51.7 ถือว่าค่อนข้างดี เพราะกลุ่มตัวอย่าง ซึ่งเป็นผู้ประกอบการขนาดใหญ่ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค มองว่าปัจจัยที่ส่งผลดีต่อธุรกิจ คือ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาอย่างต่อเนื่องช่วงปลายปีและเทศกาลปีใหม่ ส่งผลต่อการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน ประกอบกับนโยบายของรัฐที่ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายช่วงปลายปี ทั้งบัตรคนจน ช็อปช่วยชาติ นโยบายลดภาษีเงินได้นิติบุคคลที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจ
แต่ยังมีปัจจัยลบ ได้แก่ ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ จากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับขึ้น ราคาสินค้าเกษตรยังอยู่ในระดับที่ไม่สูง ส่งผลต่อระดับรายได้ครัวเรือน ภาระหนี้สินของครัวเรือนและสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน ทำให้กำลังซื้อยังไม่มีการขยายตัว ขณะเดียวกันต้นทุนสินค้าและการขนส่งยังคงอยู่ในระดับสูง จึงต้องการให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหา โดยให้เร่งกระตุ้นการบริโภคภาคเอกชนและผู้บริโภค โดยเฉพาะกระตุ้นการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค สร้างรายได้ที่สูงขึ้นให้เกษตรกร เร่งประชาสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยวและปรับลดภาษีนำเข้ากลุ่มสินค้าที่นักท่องเที่ยวต้องการ เป็นต้น
นายธนวรรธน์ กล่าวถึงการเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค.62 ว่า เชื่อว่าจะทำให้ต่างชาติมั่นใจว่าประเทศไทยจะดีขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศเชื่อมั่นต่อการลงทุน และส่งผลดีต่อตลาดทุนและการลงทุนในประเทศ โดยเฉพาะการลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) นอกจากนี้ ระหว่างนี้ที่จะมีกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการหาเสียง ก็จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในประเทศเกิดความคึกคักจากกิจกรรมทางการเมือง คาดว่าจะทำให้มีเม็ดเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจ 30,000-50,000 ล้านบาท ทำให้เศรษฐกิจไทยขยายได้เพิ่มขึ้นอีก 0.2-0.3% “ศูนย์คาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 62 จะขยายตัวในกรอบ 4-4.5% หรือค่ากลางที่ 4.2% ภายใต้สมมติฐานคือ ไม่มีปัจจัยเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลก แต่ยังต้องจับตาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนว่าจะคลี่คลายหรือไม่ อย่างไรด้วย”.