การบินไทย รับมอบเครื่องบินแอร์บัส เอ 350 เอ็กซ์ดับเบิลยูบี ลำที่ 7 นามพระราชทาน "ธารโต" ณ เมืองตูลูส สาธารณรัฐฝรั่งเศส หวังเพิ่มเที่ยวบินข้ามทวีปรองรับผู้โดยสารเที่ยวยุโรป ด้านแอร์บัส เน้นที่นั่งชั้นประหยัด รองรับความต้องการผู้บริโภค
วันที่ 24 ก.ย. นางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า วานนี้ (23 ก.ย. 2560) การบินไทยได้รับมอบเครื่องบินแอร์บัส เอ 350 เอ็กซ์ดับเบิลยูบี ลำที่ 7 ณ ศูนย์ส่งมอบเครื่องบินของแอร์บัส (Airbus Delivery Centre) เมืองตูลูส สาธารณรัฐฝรั่งเศส จากจำนวนสั่งซื้อ รวม 12 ลำ ซึ่งยังเหลือเครื่องบินที่รอการรับมอบอีก 5 ลำ โดยเครื่องบินเที่ยวพิเศษจากฝรั่งเศส จะเดินทางถึงประเทศไทย ในเวลา 09.00 น. ของวันที่ 24 ก.ย. 2560
โดยแอร์บัสลำนี้ มีนามพระราชทานว่า “ธารโต" เป็นเครื่องบินรุ่นใหม่ล่าสุดของตระกูลเครื่องบินแอร์บัส โดยจุดเด่นอยู่ที่ตัวเครื่องที่มีลำตัวกว้าง ทำให้ภายในเครื่องมีความสะดวกสบาย ที่เก็บสัมภาระยังกว้างขึ้น รวมทั้งปีกเครื่องบินยังปรับได้ตามสภาพอากาศ
ทั้งนี้ การบินไทย จะนำมาทำการบินในเส้นทางบินข้ามทวีป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของฝูงบิน ด้วยการจัดหาเครื่องบินใหม่ทดแทนการปลดระวางเครื่องบินที่มีอายุการใช้งานมานาน และเพิ่มปริมาณการผลิตเพื่อรองรับการเจริญเติบโตของบริษัทฯ ตลอดจนใช้ทำการบินเพิ่มความถี่ของเที่ยวบินในเส้นทางที่มีปริมาณผู้โดยสารหนาแน่น โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาวที่นักท่องเที่ยวต้องการเดินทางมาท่องเที่ยวยุโรปจำนวนมากขึ้น
ปัจจุบันการบินไทย มีเครื่องบินตระกูลแอร์บัสประจำการในฝูงบินที่เป็นเครื่องบินใหม่ รวมจำนวน 27 ลำ และการบินไทย ให้เครื่องบินแอร์บัส เอ 350 บริการเส้นทางไป-กลับ 7 เส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ กรุงเทพฯ-แฟรงก์เฟิร์ต กรุงเทพฯ-มิลาน กรุงเทพฯ-โรม กรุงเทพฯ-สิงคโปร์ กรุงเทพฯ-บรัสเซลส์ และกรุงเทพฯ-ภูเก็ต-แฟรงก์เฟิร์ต
นางอุษณีย์ กล่าวว่า สำหรับเครื่องบินแอร์บัส เอ350 เอ็กซ์ดับเบิลยูบี ลำที่ 7 ได้ติดตั้งเครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ รุ่นเทรนท์ เอ็กซ์ดับเบิลยูบี (Rolls-Royce Trent XWB) โดยลำตัวและปีก จะทำจากวัสดุคอมโพสิตแบบคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีน้ำหนักเบา ทำให้การบินดีขึ้น ลดเสียงรบกวน อีกทั้งยังปรับปรุงกลไกสำหรับสปอยเลอร์บนปีกให้ถูกควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ พร้อมที่จะปรับให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ ระยะทาง น้ำหนักระวางบรรทุก และสภาพของสนามบินปลายทาง
อย่างไรก็ตาม โครงสร้างของลำตัวเครื่องบินประกอบด้วยวัสดุโลหะน้ำหนักเบา อาทิ ไททาเนียมและโลหะผสมอะลูมิเนียมที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพในการรับและทนต่อแรงต่างๆ ขณะทำการบิน นอกจากนี้ ยังใช้วัสดุที่แข็งแกร่งทนทาน Reinforced Plastic (CFRP) ซึ่งเป็นวัสดุประเภทคาร์บอนไฟเบอร์ใหม่ทั้งหมด ทำให้ลำตัวของเครื่องบินมีความคงทน แต่มีน้ำหนักเบาขึ้น และลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงลง รวมถึงช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 25% และช่วยประหยัดค่าเชื้อเพลิงมากกว่าเครื่องบินในขนาดเดียวกันถึง 25% ทำให้ลดต้นทุนในการบำรุงรักษา
นอกจากนี้ ยังตกแต่งห้องโดยสารด้วยแนวคิดแบบไทยร่วมสมัย (Thai Contemporary) โดยมีระบบแสงที่สามารถปรับได้ตามบรรยากาศ (Mood Lighting) ด้วยแสงแอลอีดีที่สร้างเฉดสี ได้ถึง 16.7 ล้านเฉดสี พื้นที่เหนือศีรษะถูกขยายสัดส่วนเพื่อลดความอึดอัด ช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะมีขนาดใหญ่ขึ้น ขนาดของบานกระจกหน้าต่างกว้างขึ้น ซึ่งจะทำให้ผู้โดยสารรู้สึกผ่อนคลายตลอดการเดินทาง นอกจากนี้ ยังถูกออกแบบให้มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น โดยพื้นที่สำหรับผู้โดยสารชั้นธุรกิจ จะกว้างขวางนั่งสบายมากขึ้น และที่นั่งในชั้นประหยัดยังเพิ่มพื้นที่ในการวางเท้าได้มากกว่าเครื่องบินในระดับชั้นเดียวกัน โดยรองรับผู้โดยสารทั้งหมด 321 ที่นั่ง แบ่งเป็น 1. ที่นั่งรอยัล ซิลค์ คลาส หรือ ที่นั่งผู้โดยสารชั้นธุรกิจ จำนวน 32 ที่นั่ง ซึ่งจะจัดวางให้มีระยะห่างระหว่างแถวที่นั่ง 43-44 นิ้ว แต่ละที่นั่งมีความกว้าง 21 นิ้ว สามารถปรับเอนนอนราบได้ 180 องศา การเดินเข้า-ออก จากที่นั่งสามารถทำได้อย่างเป็นอิสระ และไม่รบกวนผู้โดยสารในที่นั่งติดกัน รวมทั้งทุกที่นั่งมีการติดตั้งจอโทรทัศน์ระบบสัมผัสขนาด 16 นิ้ว ซึ่งสามารถเชื่อมต่อระบบสาระบันเทิง อาทิ การภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์ เป็นต้น และ 2. ที่นั่งชั้นประหยัด (อีโคโนมี คลาส) มีจำนวน 289 ที่นั่ง ซึ่งมีระยะห่างระหว่างแถวที่นั่ง 32 นิ้ว แต่ละที่นั่งมีความกว้าง 18 นิ้ว ติดตั้งจอโทรทัศน์ระบบสัมผัสขนาด 11 นิ้ว โดยมีบริการอินเทอร์เน็ตไร้สาย(ไว-ไฟ) ฟรี ทั้งที่นั่งชั้นประหยัดและชั้นธุรกิจ
มร.บอน่า โครเลียด หัวหน้าฝ่ายสื่อสารการตลาด บริษัทแอร์บัส กล่าวว่า ทางบริษัทฯได้ผลิตเครื่องบินตามความต้องการของบริษัทการบินไทย โดยสำหรับแอร์บัส เอ 350 ได้ออกแบบให้ใช้พื้นที่ภายในให้ที่คุ้มค่าตามเทรนด์การบินของโลกที่มีผู้เดินทางทางอากาศมากขึ้น ซึ่งคนส่วนใหญ่ต้องการประหยัดเงินในการเดินทางจึงเลือกนั่งชั้นประหยัด (อิโคโนมี่ คลาส) มากกว่าชั้นหนึ่ง (เฟิร์สคลาส) ซึ่งมีราคาสูงกว่าหลายเท่าตัว และปัจจุบันหลายสายการบินก็ไม่เน้นที่นั่งเฟิร์สคลาสมากแล้ว อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่า การเติบโตของผู้โดยสารในแถบอาเซียนจะเติบโตราว 5.4 % ต่อปี ทำให้ในปี 2579 บริษัทฯ ตั้งเป้าจะมีเครื่องบินรองรับการเดินทางของอาเซียนมากกว่าจำนวน 5,100 ลำ