เข้าเทรดไปแล้วสำหรับ หุ้น NKT หรือ บริษัท โรงพยาบาลนครธน จำกัด (มหาชน) ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย ด้วยราคาจองซื้อ 7.80 บาท โดยราคาปิดการซื้อขายวันแรก ที่ราคา 6.10 บาท ลดลง 21.79%
แม้ราคาจะเปิดตัวไม่สวยงามนัก แต่ในมุมของผู้บริหารโรงพยาบาลอย่าง พญ.ศิเรมอร ทองสิมา ผู้อำนวยการสายงานแพทย์ บริษัท โรงพยาบาลนครธน จำกัด (มหาชน) มองว่า การเติบโตของ NKT จะเติบโตได้ดีจากความเชื่อมั่นของคนไข้ในพื้นที่ และแผนธุรกิจที่วางไว้ที่คาดว่าจะช่วยดันผลงานให้ก้าวกระโดด
พญ.ศิเรมอร ได้เปิดเผยกับ Thairath Money ว่า โรงพยาบาลนครธน หรือ NKT เปิดให้บริการมาแล้ว 28 ปี เปิดให้บริการในย่านพระราม 2 และฝั่งตะวันตกของกรุงเทพ ปัจจุบัน NKT มีจำนวนเตียง 150 เตียง ซึ่งที่ผ่านมาจำนวนคนไข้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราการใช้บริการของคนไข้เติบโตเฉลี่ย ปีละ 8%
การเติบโตที่ดีของ NKT เกิดจากจุดเด่นของพื้นที่พระราม 2 นั้นคือ ประชากรที่หลากหลาย โดยมีทั้งผู้ที่มีรายได้สูง และกลุ่มประกันสังคม ซึ่งที่ผ่านมา รพ.นครธน เน้นการจับกลุ่มลูกค้าในกลุ่มระดับกลางถึงระดับบนเป็นหลัก เพราะมีจำนวนผู้ที่มีรายได้สูงจำนวนมาก
รพ.นครธน คือ การให้บริการที่โฟกัสลูกค้าเป็น “ศูนย์กลาง” เราต้องดูว่าลูกค้าต้องการอะไรและต้องแนะนำอะไรคนไข้บ้าง ซึ่งเราต้องรับฟังคนไข้เป็นหลัก
“หลายครั้งที่คนไข้มารักษาพยาบาลจะมีความรู้สึกว่า รู้ไม่เท่าหมอ และเกิดช่องว่างตรงนี้เกิดขึ้น ดังนั้นเราต้องเข้าใจคนไข้และต้องอธิบายให้คนไข้เข้าใจ รวมถึงเอาใจในการให้บริการกับคนไข้” พญ.ศิเรมอร กล่าว
ผลของการโฟกัสลูกค้าเป็นศูนย์กลางทำให้คนไข้อยู่กับเรามายาวนาน ซึ่งจะพบว่า คนไข้หลายคนมีรหัสคนไข้ขึ้นต้นด้วยพ.ศ. 40 - 41 ซึ่งสะท้อนว่า เป็นการอยู่กับ รพ.มายาวนานกว่า 20 ปี
นอกจากนี้ พญ.ศิเรมอร มองว่า NKT ยังเป็นโรงพยาบาลที่มีจุดเด่น ในเรื่องการรักษาโรคเฉพาะทาง โดยปัจจุบันมีศูนย์การแพทย์เฉพาะทางรวม 20 ศูนย์ในการรักษาผู้ป่วย ทั้งในด้านศูนย์สมองและระบบประสาท ศูนย์หัวใจ และศูนย์ทางเดินอาหารและตับ ศูนย์กระดูกสันหลัง ศูนย์มะเร็ง และศูนย์ทันตกรรมเป็นต้น ซึ่งจะช่วยทำให้การรักษาลูกค้ามีนวัตกรรมที่ก้าวหน้าและวินิจฉัยโรคได้ดีมากขึ้น
“การให้บริการคนไข้ที่เข้าถึงใจของเขา และการใช้นวัตกรรมในการรักษา ช่วยให้คนไข้อยู่กับเรา ซึ่งข้อดีเรามองว่า ดีกว่าทุกกลยุทธ์การโฆษณาใดๆ และสร้างความมั่นใจกับคนไข้ด้วย”
NKT หลังเข้า IPO รพ.มองว่าจะมีมากกว่าช่วงก่อนเข้าระดมทุน เพราะแผนลงทุนส่วนใหญ่จะเริ่มออกดอกออกผลแล้ว โดยในช่วง 5 ปีข้างหน้าการเติบโตได้ต่อเนื่องและมากกว่าก่อนช่วงเข้าไอพีโอ
พญ.ศิเรมอร มองว่า แผนการเติบโตของ รพ.จะมาจาก 3 ส่วนหลักๆ โดยในส่วนแรก คือ การขยายการให้บริการในโรงพยาบาลนครธน แห่งแรก จำนวน 110 เตียง เพื่อรองรับให้สามารถรับผู้ป่วยมีจำนวนเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันจำนวนผู้ใช้บริการยังมีทิศทางที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นต้องเพิ่มจำนวนเตียงเพื่อรองรับคนไข้กลุ่มนี้
นอกจากนี้ รพ.ยังเดินหน้าขยาย โรงพยาบาลนครธน 2. โรงพยาบาลสำหรับผู้ประกันตนประกันสังคม และผู้รับบริการทั่วไป จำนวน 151 เตียง พื้นที่ในกรุงเทพตะวันตกมีคนไข้จำนวนมาก โดยเฉพาะในกลุ่มประกันสังคมที่ถือว่ามีจำนวนผู้ประกันตนมากที่สุดอันดับ 5 ของกรุงเทพ โดยหากนับจากปี 2562 มีจำนวนผู้ประกันสังคมทั้งสิ้น 3.6 แสนคน ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นในปี 2567 อยู่ที่ 4.7 แสนคน จึงเป็นโอกาสของกลุ่มโรงพยาบาล
ทั้งนี้ที่ตั้งของ รพ.นครธน 2 จะห่างจากรพ.แรกประมาณ 6 กิโลเมตร ช่วยให้การดูแลการให้บริการระหว่างกันนั้นง่ายมากขึ้น และสามารถส่งคุณหมอช่วยกันสนับสนุนโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่งได้
นอกจากนี้ NKT จะเดินหน้าในโครงการ นครธนลองไลฟ์ เซ็นเตอร์ ซึ่งจะเป็นศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ และผู้มีภาวะพึ่งพิงแบบองค์รวม ซึ่งจะรองรับการดูแลผู้สูงอายุที่จะเป็นเมกะเทรนด์ใหญ่ของไทยในอนาคต
สำหรับราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงในช่วงวันแรกในการเข้าทำการซื้อขายนั้น เรามองว่าเป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ เพราะเป็นไปตามสภาวะตลาดหุ้น ซึ่งในมุมมองของบริษัท เรามองว่า อาจเป็นช่วงที่ดี ที่ได้เห็นการต่ำสุดในของราคา ซึ่งทางรพ.ประเมินว่าการเติบโตจะมีอย่างมากในอนาคต
“ในเรื่องราคาหุ้น เรามองการปรับตัวลดลงนั้น เป็นส่วนหนึ่งของภาวะตลาด ช่วงที่เราตั้งราคาดัชนีอยู่ที่ 1,400 จุด ไม่ได้อยู่ในช่วงที่เราเข้า ดังนั้นจึงเกิดแรงขายออกมา แต่เรามองว่าด้วยความแข็งแกร่งของรพ.และแผนการเติบโต ราคาหุ้นจะสะท้อนกลับมาในอนาคต”พญ.ศิเรมอร กล่าว
การเข้าระดมทุนของ NKT เราเข้ามาเพื่อสร้างการเติบโตให้กับรพ.นครธน ซึ่งที่ผ่านมาเรามีแผนลงทุนที่ชัดเจนใน 3 โครงการใหญ่ ที่จะช่วยให้การเติบโตให้กับ NKT เติบโตได้อย่างยั่งยืน