ความในใจเถ้าแก่ ทำไมครอบครัว “ประสิทธิ์ศุภผล” พา PCE เข้า “ตลาดหุ้น”

Business & Marketing

Executive Interviews

Tag

ความในใจเถ้าแก่ ทำไมครอบครัว “ประสิทธิ์ศุภผล” พา PCE เข้า “ตลาดหุ้น”

Date Time: 15 ก.ย. 2567 15:06 น.

Video

ล้วงลึกอาณาจักร “PCE” สู่บริษัทมหาชน ปาล์มครบวงจร | On The Rise

Summary

  • บุกถึงโรงงาน ท่าเทียบเรือ และสำนักงานใหญ่ เพื่อสัมภาษณ์พิเศษ ประกิต ประสิทธิ์ศุภผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PCE พร้อมลูกๆ ถึงอนาคตของ PCE จากธุรกิจเถ้าแก่ กิจการเติบโตในจังหวัดสุราษฎร์ธานี และเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซื้อขายบนกระดานเทรด SET วันแรกเมื่อ 12 กันยายนที่ผ่านมา

บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PCE เปิดการซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา ด้วยราคา IPO 2.28 บาทต่อหุ้น และเมื่อปิดตลาดหุ้นท้ายวันเทรดที่ราคา 2.44 บาทต่อหุ้น หรือเหนือราคา IPO 7.02% อย่างไรก็ตาม PCE มีราคาปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา อยู่ที่ 2.40 บาทต่อหุ้น

ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น PCE เป็นส่วนหนึ่งของการนำเข้าสู่การเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และมากกว่าราคาหุ้น คือการขยายกิจการจากธุรกิจเถ้าแก่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ดำเนินกิจการมากว่า 40 ปี คือ การพาธุรกิจครอบครัว “ประสิทธิ์ศุภผล” เข้าสู่ระบบการเป็น “บริษัทมหาชน” สยายปีกอาณาจักร “เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์” ในหมวดธุรกิจการเกษตร ให้มีระบบ และสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มได้เพิ่มขึ้น

#Thairath Money บุกถึงโรงงาน ท่าเทียบเรือ และสำนักงานใหญ่ เพื่อสัมภาษณ์พิเศษ ประกิต ประสิทธิ์ศุภผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PCE พร้อมลูกๆ ถึงอนาคตของ PCE ในฐานะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

2 เหตุผลหลัก พาบริษัทเข้าตลาดหุ้น

ประกิต เปิดเผยว่า หลังจากทำธุรกิจมากว่า 40 ปีในวงการปาล์มและโลจิสติกส์ ก็อยากให้มีวิธีการที่จะเผยแพร่ให้คนทั่วไปเข้าใจมากขึ้นว่า ปาล์มเป็นพืชมหัศจรรย์ สามารถทำได้ทั้งอุปโภค บริโภค และพลังงาน ไม่ใช่ทอดไข่ ทอดไก่เท่านั้น

“ปาล์มเป็นสินค้ามหัศจรรย์ เป็นพืชเศรษฐกิจหลักของประเทศ ขณะนี้ในประเทศไทย มีเงินหมุนเวียนที่ไปสู่มือเกษตรกรไม่ต่ำกว่า 200,000 ล้านบาท มีครัวเรือนที่ปลูกปาล์มในประเทศไทยขณะนี้มีประมาณ 400,000 หลังคาเรือนที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเรื่องปาล์ม”

“โรงงานน้ำมันปาล์มเป็น Zero Waste ไม่มีส่วนไหนที่เราทิ้ง อย่างน้ำเสียก็ไปเป็นก๊าซ มาผลิตกระแสไฟ เปรียบเทียบถั่วเหลืองเปรียบเทียบกับข้าวโพดหรือน้ำมันทานตะวัน ปาล์มเป็นพืชที่ต้นทุนถูกที่สุด”

“ปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่เพาะปลูก 321 ล้านไร่ แต่ปลูกปาล์มแค่ 6 ล้านไร่ ดังนั้นพื้นที่เพาะปลูกสำหรับประเทศไทยที่จะขยายไปทางด้านปาล์ม ผมว่ายังอีกมากมายมหาศาล”

ส่วนเหตุผลที่สองที่ตัดสินใจพาธุรกิจครอบครัวเข้าตลาดหุ้น ประกิตบอกว่า อยากได้ระบบที่เป็นมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับของบุคคลทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าหรือผู้ที่ทำธุรกิจร่วมกัน เพราะเชื่อว่า ธุรกิจที่มีระบบการควบคุมหรือมีระบบการจัดการที่ดีจะสามารถขายสินค้าหรือทำให้คนรู้จักสินค้าเกษตร รู้จักเรื่องน้ำมันปาล์มได้มากขึ้น

“เราเป็นอุตสาหกรรมการเกษตรน้ำมันปาล์มครบวงจร เรามีตั้งแต่ขนส่ง โลจิสติกส์ ทั้งรถ เรือ คลังน้ำมัน บริษัทส่งออกในพื้นที่ของเรา ซึ่งค่อนข้างสะดวกและสามารถขนส่งจากจังหวัดสุราษฎร์ธานีไปถึงภาคกลางที่ท่าเรือบางปะกง หรือ ฝั่งอันดามัน เราก็มีท่าเรือที่กระบี่ ซึ่งเราสามารถส่งออกได้ทันที อำนวยความสะดวกให้กับโรงงานหรืออุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มที่เราสร้างรอไว้เพื่อเกษตรกร”

อีกทั้งอยากให้เกษตรกรเห็นถึงความสำคัญของน้ำมันปาล์มในอนาคต ว่าเป็นพืชที่เป็นที่ต้องการของตลาดโลก และผลปาล์มเล็กๆ สามารถใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วนตั้งแต่กะลาปาล์ม ใยปาล์ม เมล็ดในปาล์ม

“สิ่งที่อยากเห็น คือในอนาคต ธุรกิจที่เราทำตอนนี้ ถ้าเกษตรกรเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกปาล์มได้ และมีการเจริญเติบโตในภายภาคหน้า ก็ถือว่าธุรกิจผมมีโอกาสได้เข้าไปช่วยเกษตรกร และทำให้เกษตรกรมีต้นทุนที่ถูกลงเพราะว่าเรามีระบบการจัดการเรื่องโลจิสติกส์ที่เตรียมพร้อมไว้ตลอดเวลา ซึ่งเราได้สร้างไว้เรียบร้อยแล้ว และเราพร้อมจะเติบโตพร้อมไปกับเกษตรกร และเพื่อให้ลูกหลานทุกคนได้ทำงานอย่างต่อเนื่อง” ประกิต กล่าว

“ประกิต ประสิทธิ์ศุภผล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PCE พร้อมลูกๆ
“ประกิต ประสิทธิ์ศุภผล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PCE พร้อมลูกๆ

5 บริษัท ภายใต้ PCE

ทั้งนี้ PCE ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ในธุรกิจอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มแบบครบวงจร แบ่งเป็น

  1. กลุ่มธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์ม น้ำมันไบโอดีเซล และน้ำมันปาล์มโอเลอีนเพื่อการบริโภค รวมถึงการซื้อและจำหน่ายต่อของน้ำมันปาล์มและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องให้กับลูกค้าทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
  2. กลุ่มธุรกิจให้บริการคลังสินค้าและท่าเทียบเรือ
  3. กลุ่มธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าทางรถ
  4. กลุ่มธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าทางเรือ

PCE มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วหลัง IPO 2,750 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนรวม 750 ล้านหุ้น โดยเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทและบริษัทย่อย ผู้มีอุปการคุณของบริษัทและบริษัทย่อย และนักลงทุนสถาบันและบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ในระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม และ 2-6 กันยายน 2567 ในราคาหุ้นละ 2.28 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 1,710 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 6,270 ล้านบาท

ทั้งนี้ ราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ (PE ratio) เท่ากับ 18.94 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2566 - 30 มิถุนายน 2567 ซึ่งมีกำไรสุทธิเท่ากับ 331.22 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญหลังเสนอขาย คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.12 บาทต่อหุ้น โดยมีบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์และรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ

กัญกร ประสิทธิ์ศุภผล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PCE ลูกคนโตของประกิต ขยายภาพรวมธุรกิจของเพชรศรีวิชัยฯ ว่า ภายใต้ PCE มีอีก 5 บริษัท ประกอบด้วย

  • บริษัท พี.ซี.มารีน (1992) จำกัด หรือ PCM เป็นบริษัทขนส่งสินค้าทางเรือ โดยเฉพาะการขนส่งน้ำมันปาล์ม
  • บริษัท พี.เค. มารีน เทรดดิ้ง จำกัด หรือ PKM เป็นบริษัทท่าเทียบเรือ คลังสินค้า และคลังน้ำมัน
  • บริษัท เพชรศรีวิชัย จำกัด หรือ PC เป็นบริษัทขนส่งทางบก มีรถบรรทุกขนส่งน้ำมัน และรถบรรทุกรองรับงานลูกค้าอื่น ทั้งในเขตภาคใต้ และขึ้นไปที่กรุงเทพฯ
  • บริษัท นิว ไบโอดีเซล จำกัด หรือ NBD เป็นโรงงานสกัดและกลั่นน้ำมันปาล์ม รวมถึงผลิตน้ำมันปาล์มเพื่อการบริโภค แบรนด์ “รินทิพย์”
  • บริษัท ปาโก้ เทรดดิ้ง จำกัด หรือ PACO เป็นบริษัทซื้อมาขายไป รวบรวมน้ำมันปาล์ม และดำเนินการส่งออกไปขายต่างประเทศ

“จะเรียกว่า นิว ไบโอดีเซล หรือ NBD เป็นพอร์ตที่ใหญ่ที่สุดในกรุ๊ปก็ได้ โดยหลักๆ บริษัทนี้คือผู้ผลิต และเราไม่ได้ผลิตเฉพาะน้ำมันปาล์มของตัวเอง แต่เรารับซื้อผลปาล์มจากเกษตรกร มาผลิตน้ำมันปาล์มดิบและส่งออกด้วย”

ตัวน้ำมันปาล์มดิบ กับ เมล็ดในปาล์ม เราสามารถผลิตและส่งออกไปต่างประเทศ โดยน้ำมันเมล็ดในปาล์มขายเพื่อให้ลูกค้านำไปเป็นวัตถุดิบหรือสารตั้งต้นผลิตเครื่องสำอาง ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค

ส่วนน้ำมันปาล์มดิบสามารถนำไปกลั่นแล้วใช้เป็นวัตถุดิบทำพลังงานทดแทน ผลิตเป็น B100 เพื่อผสมในน้ำมันดีเซลขั้นต่ำ 7% เป็นน้ำมันไบโอดีเซลขายให้กับผู้จำหน่ายน้ำมันขายให้ผู้ใช้รถน้ำมันดีเซลทั่วไป

กับอีกส่วนหนึ่งคือ ที่โรงงาน NBD ก็ผลิตน้ำมันปาล์มเพื่อการบริโภคชื่อแบรนด์ “รินทิพย์” ซึ่งขายส่วนใหญ่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานีและภาคใต้ เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอาหารด้วย

โลจิสติกส์ครบจบที่เดียว

พรพิพัฒน์ ประสิทธิ์ศุภผล รองกรรมการผู้จัดการ สายงานปฏิบัติการ บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PCE ลูกชายคนที่สอง ดูแลฝั่งท่าเทียบเรือ คลังสินค้า และธุรกิจโลจิสติกส์ เล่าว่า นอกจากการทำธุรกิจขนส่งน้ำมันปาล์ม PCE มีบริษัทลูกที่ทำท่าเทียบเรือ ทำคลังสินค้า ที่ปัจจุบันมีลูกค้าบริษัทปูนซีเมนต์เกือบทุกแบรนด์ในประเทศไทยใช้บริการระบบขนส่ง โลจิสติกส์ และคลังสินค้าของบริษัทในเครือ PCE เพื่อบริหารต้นทุนและจัดการส่งสินค้าลงสู่ภาคใต้

“ที่ PCE เรามีระบบโลจิสติกส์ของเราเอง ที่ครบวงจรที่สุด เรามี PC เป็นรถบรรทุกขนส่งน้ำมัน ปัจจุบันมีรถทั้งหมด 140 กว่าพ่วง ที่ขนส่งน้ำมันทั้งของเราและของลูกค้า มี PKM ที่เป็นคลังสินค้า และแท็งก์ฟาร์มน้ำมัน ให้เช่าเก็บน้ำมัน มีเรือขนส่งจากสุราษฎร์ธานี ไปบางปะกง และจากสุราษฎร์ธานีไปต่างประเทศ และก็มีเชื่อมกับท่าเรือฝั่งจังหวัดกระบี่ ซึ่งสำหรับลูกค้าที่ต้อง Just In Time เราสามารถให้บริการเพื่อการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพได้”

นอกจากนี้ กิตติภณ ประสิทธิ์ศุภผล รองกรรมการผู้จัดการ สายงานกลยุทธ์และพัฒนาองค์กร บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PCE ลูกชายคนที่สามของประกิต ยังรับหน้าที่ดูแลงานด้านระบบไอที การติดตามวิเคราะห์ระบบงานภายใน เพื่อให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพและควบคุมต้นทุนได้

ทั้งนี้ ตามรายงานที่ บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PCE แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เรื่องงบการเงิน 6 เดือนแรกปี 2567 (สิ้นเดือนมิถุนายน 2567) พบว่า 

  • PCE มีกำไรสุทธิ 209.93 ล้านบาท
  • มีรายได้รวมจากการขายและให้บริการ 12,889.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 6.23%
  • มีต้นทุนการขายและให้บริการ 12,347.58 ล้านบาท
  • ส่งผลให้มีกำไรขั้นต้น 542.23 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม บริษัทมีโครงการสร้างรายได้แยกตามกลุ่มธุรกิจ ในช่วง 6 เดือนแรกปี 2567 ดังนี้

  • รายได้จากการขายในธุรกิจน้ำมันปาล์ม บริษัท นิว ไบโอดีเซล จำกัด หรือ NBD และ บริษัท ปาโก้ เทรดดิ้ง จำกัด หรือ PACO มูลค่า 12,727.55 ล้านบาท
  • รายได้จากการจำหน่ายกระแสไฟฟ้า บริษัท นิว ไบโอดีเซล จำกัด หรือ NBD มูลค่า 24.57 ล้านบาท
  • รายได้จากการบริการธุรกิจคลังสินค้าและท่าเทียบเรือ บริษัท พี.เค. มารีน เทรดดิ้ง จำกัด หรือ PKM มูลค่า 69.99 ล้านบาท
  • รายได้จากการบริการธุรกิจขนส่งสินค้าทางรถ บริษัท เพชรศรีวิชัย จำกัด หรือ PC มูลค่า 28.36 ล้านบาท
  • รายได้จากการบริการธุรกิจขนส่งสินค้าทางเรือ บริษัท พี.ซี.มารีน (1992) จำกัด หรือ PCM มูลค่า 39.33 ล้านบาท

ทั้งนี้ PCE มีเงินสดหรือรายการเทียบเท่าเงินสด ณ สิ้นงวด อยู่ที่ 101.14 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากต้นงวด 39.26 ล้านบาท

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณมี "การเงินดีชีวิตดี" ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/investment

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

อังศุมาลิน บุรุษ (ตุลย์)

อังศุมาลิน บุรุษ (ตุลย์)
บรรณาธิการ Thairath Money