งาน Future Trends Ahead Summit 2025 ในวันอังคารที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับเทรนด์ใหม่ ๆ ที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นในปี 2025 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทักษะที่จำเป็นสำหรับการสมัครงานในอนาคต หรือเราจะปรับตัวอย่างไรในยุคที่เทคโนโลยีพร้อมแทนที่มนุษย์
หนึ่งในหัวข้อภายในงานที่น่าสนใจคือ “เทรนด์ผู้ประกอบการ 2025” ซึ่งมีการพูดคุยกับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จแม้อายุยังน้อย ประกอบด้วย
โดยทั้งสามท่านได้มีการพูดคุยถึงเส้นทางการทำการตลาดของแต่ละแบรนด์ให้ประสบความสำเร็จ และแนวทางการปรับตัวสู่ธุรกิจในอนาคตดังนี้
จุดเริ่มต้นของฟาสต์เวิร์ค คือการพบปัญหาว่าประเทศไทยนั้นรวยกระจุกอยู่เพียงแค่จังหวัดเดียวคือกรุงเทพฯ ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำที่เห็นได้อย่างชัดเจน ดังนั้นฟาสต์เวิร์คจึงมีแนวคิดที่จะเริ่มเปลี่ยนแปลงความเหลื่อมล้ำเหล่านั้นด้วยการสร้างแพลตฟอร์มฟรีแลนซ์ที่ทำให้คนทุกจังหวัดในไทยสามารถมีอาชีพและมีธุรกิจเป็นของตัวเองได้
แต่ในขณะเดียวกันการทำธุรกิจในปัจจุบันนั้นนับว่ามีความเสี่ยงเป็นอย่างมาก เพราะหลายธุรกิจอาจถูกแทนที่ได้ง่าย ๆ จากการแข่งขันภายในตลาดที่สูงมากขึ้นไม่ว่าจะทั้งในหรือนอกประเทศ รวมถึงบางอาชีพก็มีความเสี่ยงว่าจะถูกแทนที่ด้วยเอไอในอนาคต การมีธุรกิจเป็นของตัวเองนั้นฟังดูเหมือนเป็นสิ่งที่ยาก แต่การจะทำให้ธุรกิจอย่างไรให้ประสบความสำเร็จและครองใจลูกค้าได้นั้นยากกว่า
ซีเค ซีอีโอของฟาสต์เวิร์ค ได้แสดงความคิดเห็นในการเสวนาว่า “การรับฟังความต้องการและฟีดแบ็กจากลูกค้าเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ตรงความต้องการ” นั้นเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินธุรกิจ
การรับฟังผู้บริโภคนั้นไม่เพียงแค่ทำให้เราได้รับความรักที่มากขึ้นจากลูกค้า แต่ยังได้สิ่งที่สำคัญกว่าคือ “ข้อมูล” เนื่องจากการที่เรารับฟังผู้บริโภคและลองแก้ไขปัญหาเหล่านั้นจะทำให้เราได้ทราบว่าการลองทำของเราได้ผลหรือไม่ หรือหากมีข้อผิดพลาดจะแก้ไขอย่างไรได้บ้าง
นอกจากนี้ ซีเคยังแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการนำเอไอมาประยุกต์ใช้กับการทำธุรกิจในไทยว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะประเทศไทยมีจุดเด่นเกี่ยวกับทรัพยากรที่สามารถส่งออกให้ต่างประเทศได้ ดังนั้นหากเรานำเทคโนโลยีเช่นการแปลภาษาเพื่อทำธุรกิจส่งสินค้าออกนอกประเทศได้จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยไม่น้อยเลย
แบรนด์ยืดเปล่ากำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 7 ซึ่งนับว่าเป็นเวลาที่ไวสำหรับธุรกิจแบรนด์เสื้อผ้าที่ได้รับความนิยมมาก แต่ก่อนที่จะประสบความสำเร็จขนาดนี้ยืดเปล่าก็เคยต้องเผชิญกับปัญหาและความเสี่ยงมาก่อนเช่นกัน
ทนงศักดิ์ แซ่เอี้ยว เจ้าของแบรนด์ยืดเปล่าได้เปิดเผยว่าหลังจากที่เปิดร้านได้ประมาณ 2 ปี เขาก็ต้องเจอกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทำให้ร้านค้าถูกสั่งปิดและไม่สามารถขายหน้าร้านได้ แต่เขาพลิกวิกฤตให้กลายเป็นโอกาสใหม่สำหรับธุรกิจ โดยเล็งเห็นว่าการทำธุรกิจออนไลน์กำลังมาแรง เขาจึงปรับตัวให้แบรนด์เข้ากับสถานการณ์ด้วยการขายออนไลน์ควบคู่ไปด้วยและได้รับการตอบรับที่ค่อนข้างดี
และสิ่งที่สำคัญในการทำธุรกิจคือการตั้งคำถามว่าเราจะทำอย่างไรให้ผู้บริโภคเห็นว่าสินค้าของเราดี ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเงินของลูกค้าจะคุ้มค่ากับสิ่งที่พวกเขาได้กลับไป ทั้งนี้ในส่วนของเอไอ ปัจจุบันยืดเปล่ามีการหยิบเทคโนโลยีมาใช้สำหรับการคำนวณจำนวนและเก็บข้อมูลว่าลูกค้าเข้าร้านมากี่คน, อายุเท่าไหร่ และมาเป็นกลุ่มหรือคนเดียว เพื่อนำไปพัฒนาธุรกิจต่อ
โดย ทนงศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า “การเปลี่ยนแปลงและปรับตัวคือสิ่งสำคัญในยุคที่เอไอมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว” ดังนั้นการปรับใช้เทคโนโลยีผสานเข้ากับธุรกิจให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิมนั้น ถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ดีสำหรับการทำธุรกิจในปี 2025
รวมถึงตอนนี้แบรนด์ยืดเปล่ามีอีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ คือไม่เพียงแค่ขายเสื้อยืดเท่านั้น แต่ปัจจุบันมีการผลิตเสื้อผ้าครบชุดในรูปแบบของ “Total Look” และเล็งขยายธุรกิจให้ส่งออกไปต่างประเทศอีกด้วย
โทฟุซังเริ่มต้นทำธุรกิจด้วยความกล้าที่จะแตกต่างเพื่อความโดดเด่น โดยจะเห็นได้จากการออกแบบบรรจุภัณฑ์ของโทฟุซังในช่วงแรกเริ่มนั้นเป็นขวดแก้วที่ต่างจากแบรนด์อื่น ๆ เพื่อให้ดึงดูดลูกค้า แม้ว่าการผลิตจะยากและต้นทุนสูง แต่เราต้องเปลี่ยนให้สินค้าของเราโดดเด่นเพื่อที่จะสามารถไปต่อได้
สุรนาม พานิชการ ผู้ก่อตั้งและ CEO ของโทฟุซัง กล่าวว่าเขาต้องการขายน้ำเต้าหู้ที่เด็ก ๆ สามารถทานได้ ซึ่งได้รับผลตอบรับค่อนข้างดี ในปีที่ผ่านมาสินค้าขายดีของแบรนด์คือเครื่องดื่มที่มีโปรตีนสูงและน้ำตาล 0% ที่มียอดขายโตขึ้นมากกว่า 163.2% จากปี 2022 - 2025 สืบเนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคไม่เพียงแต่ชอบเครื่องดื่มที่อร่อย แต่ยังต้องดีต่อสุขภาพอีกด้วย
และในส่วนของการที่เอไอเข้ามามีบทบาทในโลกมากขึ้นนั้น คุณสุรนามให้ความคิดเห็นส่วนตัวว่า ในวงการอาหารนั้นยังเป็นไปได้ค่อนข้างยาก เพราะแม้ว่าเทคโนโลยีจะสามารถเข้ามาช่วยพัฒนาบางอย่างได้ เช่น ออกแบบและผลิตสินค้า แต่สิ่งที่มนุษย์มีคือการรับรู้รสชาติของอาหาร ที่ปัจจุบันยังไม่มีเทคโนโลยีใดที่สามารถมาทดแทนได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะไม่เกิดขึ้นในอนาคต ดังนั้นเราจึงต้องคอยปรับตัวให้พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงเสมอ
สุดท้ายนี้ สิ่งที่ทั้งสามผู้ประกอบการอยากแนะนำให้กับคนรุ่นใหม่คือลองทำ ลองพลาดเพื่อที่จะเก่งขึ้น อย่ารอโอกาสแต่ให้เป็นคนวิ่งเข้าหามันก่อน รวมถึงต้องรู้เหตุ รู้ผล รู้จักตน รู้กาล รู้ประมาณ รู้เท่า รู้ทัน รู้กัน และรู้แก้ จึงจะประสบความสำเร็จ
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney