พิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทยดำเนินธุรกิจในฐานะธนาคารท้องถิ่น (Locally Incorporated Institution: LII) ในประเทศจีน ตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา โดยมุ่งเน้นบริการที่ช่วยให้ลูกค้าท้องถิ่นในจีน เข้าถึงสินเชื่อ เพื่อสร้างโอกาสในการพัฒนาชีวิตและธุรกิจ ภายใต้แนวคิด “Better Me และ Better SMEs” ผ่านช่องทางบริการดิจิทัล ควบคู่กับการเชื่อมต่อลูกค้าธุรกิจจีนกับภูมิภาค AEC+3 ผ่านเครือข่ายบริการในท้องถิ่น ประกอบด้วย สาขาฮ่องกง สาขาเซินเจิ้น สาขาเฉิงตู สาขานครเซี่ยงไฮ้ สาขาย่อยหลงกั่ง เซินเจิ้น
และล่าสุด ธนาคารได้เปิดสาขากรุงปักกิ่งอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นเมืองหลวงและศูนย์กลางหน่วยราชการของประเทศจีนที่สำคัญแห่งหนึ่ง นับเป็นสาขาที่ 5 ของธนาคารกสิกรไทย (ประเทศจีน) และถือเป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจของธนาคาร เนื่องจากประเทศจีนเป็นตลาดที่มีศักยภาพที่ดี สาขากรุงปักกิ่งจึงทำหน้าที่เสมือนสะพานเชื่อมต่อเศรษฐกิจระหว่างประเทศจีน ไทย และประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียน อีกทั้งยังมีแผนการพัฒนาเศรษฐกิจที่จะสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับลูกค้าบรรษัทและลูกค้าบุคคลของธนาคารมากมายตามโครงการริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” (One Belt, One Road Initiative)
ทั้งนี้ สาขากรุงปักกิ่ง จะเป็นศูนย์การทำงานสำคัญแห่งหนึ่งของธนาคารกสิกรไทย (ประเทศจีน) ที่ให้บริการได้ครอบคลุม ทั้งลูกค้าบุคคลชาวจีนที่ใช้บริการสินเชื่อ และกลุ่มลูกค้าธุรกิจจีนที่ต้องการไปลงทุนในไทยและอาเซียน รวมทั้งการให้บริการแก่ธุรกิจไทย-อาเซียน ที่ต้องการขยายตลาดมายังประเทศจีนด้วย โดยยึดธุรกิจที่อยู่ในอุตสาหกรรมตามห่วงโซ่คุณค่าของจีน-เออีซี มุ่งเน้นบริการด้านการลงทุน และสินเชื่อเพื่อการค้าระหว่างประเทศ และการให้สินเชื่อแวลูเชน (Value Chain Financing) นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายระยะยาวในการเน้นการสร้างพื้นฐานธุรกิจแบบดิจิทัลยุคใหม่ พร้อมกับการดำเนินธุรกิจธนาคารบนพื้นฐานนวัตกรรมการเงิน และการพัฒนาอย่างยั่งยืน
พิพิธ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกเหนือจากเครือข่ายบริการในประเทศจีนแล้ว ธนาคารจะเดินหน้าการทำงานในภูมิภาค AEC+3 อย่างต่อเนื่อง ด้วยการพัฒนาความสามารถด้านเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อให้บริการทั้งด้านการเงินและด้านอื่นๆ อย่างครบครัน ที่ตอบสนองต่อความต้องการในยุคปัจจุบัน โดยนำเสนอแพลตฟอร์มธนาคารที่อาศัยข้อได้เปรียบจากเครือข่ายบริการของธนาคารที่มีในพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญทั่วภูมิภาค
ซึ่งช่วยสร้างความเชื่อมโยงระหว่างจีน และAEC+3 อันจะยกระดับการมีส่วนร่วมของธนาคารในยุคดิจิทัลให้มากขึ้น สอดคล้องกับมีความมุ่งมั่นในการเป็นธนาคารแห่งภูมิภาค AEC+3 ที่น่าเชื่อถือที่สุด (A Regional Bank of Choice) และคาดว่าธนาคารจะสามารถสร้างรายได้ของธนาคารกสิกรไทยในประเทศจีนได้กว่า 5,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี
ปัจจุบันธนาคารกสิกรไทยมีเครือข่ายบริการในต่างประเทศครอบคลุมในกลุ่มประเทศ AEC+3 และประเทศอื่นๆ รวมทั้งสิ้น 15 แห่ง 8 ประเทศ แบ่งเป็นสาขาธนาคารพาณิชย์ท้องถิ่นจดทะเบียน 6 แห่ง ตั้งอยู่ที่ประเทศจีน 4 แห่ง และ สปป.ลาว 2 แห่ง มีสาขาต่างประเทศ 4 แห่ง ตั้งอยู่ที่หมู่เกาะเคย์แมน ฮ่องกง กัมพูชา และเวียดนาม มีสำนักงานผู้แทน 5 แห่ง ตั้งอยู่ในจีน ญี่ปุ่น เวียดนาม อินโดนีเซีย เมียนมา และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ธนาคารแมสเปี้ยน อินโดนีเซีย อีกกว่า 50 สาขาทั่วประเทศ ให้บริการด้านการเงิน ด้านการให้คำปรึกษาการลงทุนและการจับคู่ธุรกิจ เพื่อช่วยให้การดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ ตลอดจนการผลักดันตัวเองให้เป็นพันธมิตรทางธุรกิจแห่ง AEC+3 เชื่อมโอกาสแก่ลูกค้าให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น