Nongshim บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสร้างชาติ ปั้นรามยอนให้กลายเป็นวัฒนธรรมสไตล์เกาหลีที่คนทั่วโลกหลงใหล

Business & Marketing

Corporates

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

Nongshim บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสร้างชาติ ปั้นรามยอนให้กลายเป็นวัฒนธรรมสไตล์เกาหลีที่คนทั่วโลกหลงใหล

Date Time: 16 ก.ย. 2566 13:57 น.

Video

วิธีเอาตัวรอดของ Wikipedia ไม่พึ่งโฆษณา ไม่มีค่าสมาชิก แต่อยู่มาได้ 23 ปี | Digital Frontiers

Summary

  • Thairath Money พาย้อนเส้นทางการเติบโตของ ‘นงชิม’ หรือ ‘นองชิม’ (Nongshim) ผู้ผลิต ชินรามยอน ที่เริ่มต้นธุรกิจมาแล้วกว่า 58 ปี กว่าจะขึ้นแท่นรามยอนเบอร์หนึ่งของเกาหลีและครองใจคนทั่วโลก อะไรทำให้รสชาติของรามยอนเกาหลีก้าวข้ามพรมแดนและกลายเป็นสัญลักษณ์แสดงความเป็นชาติเกาหลีใต้ได้

Latest


รู้หรือไม่ ‘บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป’ ถูกคิดค้นเพื่อช่วยบรรเทาความหิวโหยของโลกหลังสงคราม ก่อนที่ในปัจจุบันจะถูกมองว่าเป็นอาหารแห้ง ราคาประหยัด อย่างไรก็ตาม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็เป็นเมนูที่หลายคนชื่นชอบ เพราะความง่ายสะดวกรวดเร็วในการปรุงเพียงฉีกซอง และต้มน้ำร้อน แต่ก็สามารถเติมเต็มความอิ่มอร่อยได้อย่างสมบูรณ์แบบ 

หากพูดถึงหนึ่งในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปฮอตฮิตทั่วโลก จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจากแดนกิมจิที่เรามักเรียกติดปากกันว่า รามยอน (라면) บะหมี่ซองแดงรสเผ็ดยี่ห้อ ‘ชินรามยอน’ (Shin Ramyun) ที่ปรากฏบ่อยๆ ใน K-Series พร้อมซีนการซู้ดเส้นอย่างเอร็ดอร่อยของนักแสดง โดยล่าสุดก็ได้สร้างเสียงฮือฮาให้กับคนไทย หลังจากฟู้ดไอคอนระดับมิชลินอย่าง เจ๊ไฝ ที่ได้บินลัดฟ้าเพื่อเผยโฉม ‘ชินรามยอนสูตรเจ๊ไฝ’ สู่สาธารณะเป็นครั้งแรก 

“The taste representing Korea ,the taste that touches the heart of the world” 

หลายคนรู้จักอาจจะรู้จัก ชินรามยอน แต่อาจจะไม่คุ้นกับชื่อ ‘นงชิม’ หรือ ‘นองชิม’ (Nongshim) บริษัทผู้ผลิตที่มีจุดเริ่มต้นในปี 1965 ช่วงที่หลายประเทศเข้าสู่ยุคแห่งการฟื้นฟู สร้างชาติขึ้นใหม่หลังผ่านพ้นสงครามโลกครั้งที่สอง และเข้าสู่ช่วงสงครามเย็น ‘ครอบครัวชิน’ ผู้มีหัวการค้า นำโดย ชิน คยุก โฮ (Shin Kyuk-Ho) พี่ชายคนโตของบ้านที่เริ่มทำธุรกิจ ฝ่าฟันจนสามารถตั้งบริษัทผลิตขนมที่ชื่อว่า Lotte Industrial Company ซึ่งปัจจุบัน คือ กลุ่มบริษัทค้าปลีก Lotte Group ผู้นำกลุ่มบริษัทอาหารรายใหญ่ของเกาหลีใต้

เมื่อช่วงเวลาแห่งการสร้างตัวดำเนินต่อไป ครอบครัวชินก็ได้ขยับขยายกิจการย่อยๆ ด้านอาหารอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็ คือ การก่อตั้งธุรกิจบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป Nongshim โดยมี ชิน ชุน โฮ (Shin Choon-Ho) น้องชายเป็นผู้ดูแล 

Nongshim ถูกพัฒนาขึ้นโดยให้คุณค่าเรื่องโภชนาการและรสชาติอันเผ็ดร้อนสไตล์เกาหลี เพื่อตอบโจทย์แรงงานทั่วประเทศที่จำเป็นต้องได้รับคุณค่าทางอาหาร อร่อย และอิ่มท้อง เพราะขณะนั้นประเทศกำลังเผชิญภาวะขาดแคลนอาหารอย่างหนัก แม้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหรือรามยอน จะถูกมองเป็นมื้ออาหารประทังชีวิต จนกระทั่งยุคสมัยได้หล่อหลอมให้เรื่องราวของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกลายเป็นเป็นสัญลักษณ์ของคนไม่มีกำลังซื้อที่ต้องทำงานหนัก และใช้ชีวิตอย่างยากลำบากก็ตาม

ต่อมา ชิน ชุน โฮ เริ่มเห็นแววของตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในเกาหลีใต้ที่เติบโตเป็นอย่างมากจนตัดสินใจแยกบริษัท Nongshim เป็นอิสระจาก Lotte ซึ่งขณะนั้นไม่ต้องการลงทุนพัฒนาเพิ่มในธุรกิจบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป กระทั่งในปี 1986 ที่สินค้าเรือธงอย่าง “ชินรามยอน” (Shin Ramyun) บะหมี่รสเผ็ดซองแดงในตำนานออกวางขายเป็นครั้งแรกและประสบความสำเร็จสุดขีดในฐานะ ‘บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ดีที่สุด’ ในเกาหลีใต้ ดันให้ Nongshim ครองส่วนแบ่งตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ใหญ่ที่สุดจนถึงปัจจุบัน 

ไม่ได้เป็นเพียงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่กินเวลาเงินหมด 

การผสมผสานที่ลงตัวระหว่างน้ำซุปรสเผ็ดแบบเกาหลี ผักอบแห้งปริมาณมาก และเส้นบะหมี่หนาหนึบรสชาติดี ทำให้ดูรามยอนเกาหลีดูน่ารับประทานมากกว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทั่วไป แน่นอนว่าทุกอย่างถูกออกแบบมาตั้งแต่ต้น เพื่อให้แตกต่างจากคู่แข่ง ซึ่งตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในเกาหลีใต้นั้นมีขนาดใหญ่มาก ถามว่าใหญ่แค่ไหน? ข้อมูลจากสมาคมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปโลก (World Instant Noodles Association:WINA) บอกไว้ว่า เกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีการบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในอัตราส่วนต่อหนึ่งคนมีปริมาณที่มากที่สุดในโลกเลยทีเดียว 

ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน ชิน ชุน โฮ สร้างแผนกพัฒนาผลิตภัณฑ์ และเน้นย้ำเสมอว่าผลิตภัณฑ์ควรได้รับการพัฒนาด้วยมือของพวกเขาเอง เพื่อให้ได้มาตรฐานรสชาติที่ชาวเกาหลีชอบ และมากไปกว่านั้นยังเป็นที่ถูกอกถูกใจสำหรับคนชาติอื่นๆ เช่นเดียวกัน 

New York Times ถึงขั้นยกให้ Nongshim เป็นสุดยอดรามยอนที่ดีที่สุดในโลก โดยเมนูฮอตฮิตในบรรดาฝรั่งตะวันตก คือ ‘Shin Black’ ชินรามยอนเวอร์ชันพรีเมียม ที่มีเครื่องปรุงรสพิเศษ "Sul-long-tang" (กระดูกวัว) ที่ทำให้ได้น้ำซุปกระดูกน้ำนมรสชาติเนื้อ ที่ครีมมี่มากขึ้น มีรสเผ็ดน้อยกว่าชินรามยอนสูตรดั้งเดิม  โดยปัจจุบัน Nongshim ก็พัฒนาสินค้าหลากหลายรสชาติให้ได้ลิ้มลอง และได้รับความนิยมไม่แพ้รสดั้งเดิม เช่น จาจังมยอนหรือชาปาเก็ตตี้บะหมี่แห้งซอสถั่วดำ (Chapagetti), รามยอนซุปรสซีฟู้ด (Neoguri) และบะหมี่ซุปรสกิมจิ (Ansungtangmyun) เป็นต้น 

อิทธิพล ‘Nongshim’ พามูลค่าตลาดรามยอนเติบโตทั่วทั้งเกาหลี 

ในปี 2022 การส่งออกรามยอนเกาหลีทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 765.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 13.5% จากปีที่แล้ว ตามข้อมูลของกรมศุลกากรเกาหลี เนื่องจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของเกาหลีใต้ได้รับความนิยม แม้แต่สหภาพยุโรปก็ตัดสินใจที่จะผ่อนปรนกฎระเบียบเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่นำเข้าโดยทำให้กระบวนการตรวจสอบความปลอดภัยง่ายขึ้น โดยมีการคาดการณ์ว่า ตลาดอาหารสำเร็จรูปของเกาหลีใต้มีแนวโน้มที่จะมีมูลค่าถึง 7 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2571 ซึ่ง รามยอนเกาหลีจะมีส่วนแบ่งตลาดสูงที่สุดอีกด้วย 

Korean Wave มาม่าเกาหลีฟีเวอร์  

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ อาหารเกาหลี แพร่กระจายและเริ่มเป็นที่ชื่นชอบมากขึ้นเรื่อยๆ ในต่างแดน โดยเฉพาะ ‘รามยอนเกาหลี’  นั่นก็คือ ‘กระแสฮันรยู’ ที่แข็งแกร่งและทรงอิทธิพลขึ้นเรื่อยๆ ในยุคนี้ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรม K-pop วงไอดอลสายเลือดใหม่ที่เน้นกลยุทธ์ตีตลาดโลกและมีความเป็นตะวันตกมากขึ้น K-drama  ซีรีส์และภาพยนตร์เกาหลีที่ขึ้นชื่อเรื่องบทและการแสดงที่ยอดเยี่ยมได้รับการยอมรับในเวทีระดับโลกมากขึ้นเรื่อยๆ บวกกับ วัฒนธรรมมุกบัง หรือการถ่ายทอดสดการกินบน YouTube ซึ่งได้กลายเป็นเทรนด์หลักในเกาหลีใต้ช่วงปี 2010 และแพร่กระจายไปทั่วโลกในปี 2014 

แน่นอนว่าอิทธิพลของวัฒนธรรมเกาหลี ทั้งชีวิตความเป็นอยู่ การแต่งกาย อาหารการกินแทรกซึมมากับสื่อที่ผ่านตาคนทั่วโลก เราจะเห็นว่าไม่เพียงแต่ หน้าตาอาหารรามยอน แต่เราจะเห็นถึงการนำเสนอ วัฒนธรรมการกิน วิธีการต้มเส้นด้วยหม้อทองเหลือง การคีบเส้นโดยมีฝาหม้อรองนั้น นับเป็นฉากที่เห็นบ่อยที่สุดในซีรีส์หรือภาพยนตร์เกาหลี ซึ่งการออกแบบและจัดวางที่ผ่านการคิดและออกแบบมาอย่างเฉียบขาดนั้นทำให้คนดูอยากลิ้มลองไปตามๆ กัน  

ฉากต้ม 'จาปากูรี' (Chapaguri) เมนูบะหมี่ในตำนานจาก “Parasite” ภาพยนตร์เกาหลีที่ได้รับรางวัลออสการ์ในปี 2019 โดยมี บอง จุน โฮ เป็นผู้กำกับ ทำให้ทั่วโลกรู้จักรามยอนเกาหลีและรู้จัก NongShim มากขึ้นไปอีก เพราะบะหมี่กึ่งสำเร็จที่ตัวละครใช้ในฉาก คือ เมนูที่ใช้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสองยี่ห้อมาผสมกัน คือ Chapaghetti และ Neoguri นั่นเอง หลังจากนั้น ยูทูบเบอร์ตะวันตกจำนวนมากก็เริ่มอัดคลิปรีวิวแชร์ประสบการณ์กับ Chapaghetti ทางออนไลน์ ร้านอาหารในนิวยอร์กพากันเปิดตัว Chapaghetti เวอร์ชันของตัวเอง เรียกได้ว่าฉากนี้ทำให้ยอดขาย Nongshim พุ่งกระฉูดอีกด้วย 

ปัจจุบัน Nongshim กลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอาหาร และเครื่องดื่มของเกาหลีใต้ โดยมีรายได้หลักจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป คิดเป็น 80% จากรายได้โดยรวมของบริษัท มีเครือข่ายศูนย์จัดจำหน่ายและโรงงานผลิตอยู่ในสหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น จีน และเวียดนาม ส่งออกรามยอนออกไป 100 กว่าประเทศทั่วโลก โดยเริ่มตีตลาดจากเอเชีย และค่อย ๆ โกมาร์เก็ตสู่สหรัฐฯ ยุโรป และโอเชียเนีย มียอดขายในต่างประเทศที่โตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังจากช่วงการแพร่ระบาดโควิดที่ทำให้ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทั่วโลกคึกคักอีกครั้ง 

ปี 2560 Walmart เริ่มจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Nongshim ที่ร้านค้าทุกแห่งในอเมริกาเหนือ ซึ่งช่วยให้บริษัทอาหารมียอดขาย 1.14 พันล้านดอลลาร์ในต่างประเทศ โดยปี 2566 Nongshim มีกำไรจากการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่า จากการส่งออกและการขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่แข็งแกร่ง โดยมากกว่าครึ่งหนึ่งของกำไรจากการดำเนินงานได้รับจากยอดขายในต่างประเทศ นอกจากยังตั้งเป้าหมายใหญ่ในการครองตำแหน่งผู้นำตลาดรามยอนในสหรัฐฯ อีกด้วย 

การแข่งขันในตลาดอย่างดุเดือดของตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในเกาหลียังทำให้อุตสาหกรรมอาหารของเกาหลีใต้มีชื่อเสียงในด้านบรรจุภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ บะหมี่ถ้วยพร้อมที่กรอง ซอสที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้ เมนูง่ายๆ ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในตลาดโลก

สำหรับ Nongshim การผลิตและพัฒนาคุณภาพวัตถุดิบสำหรับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอย่างจริงจังมาเป็นเวลาเกือบ 60 ปี ทำให้โลกรู้จัก 'รามยอนเกาหลี' ในฐานะอาหารเกาหลีและสัญลักษณ์แสดงความเป็นชาติที่สะท้อนวิถีชีวิต และวัฒนธรรมของประเทศสู่สายตาคนทั่วโลกได้อย่างประสบความสำเร็จ 

อ้างอิง Nongshim , Koreatimes1Koreatimes2  NST Korea Herald 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์