NITORI เบอร์หนึ่งเฟอร์นิเจอร์ญี่ปุ่น บุกชิงเค้กตลาดแต่งบ้านในไทย ประเดิมสาขาแรก เซ็นทรัลเวิลด์

Business & Marketing

Corporates

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

NITORI เบอร์หนึ่งเฟอร์นิเจอร์ญี่ปุ่น บุกชิงเค้กตลาดแต่งบ้านในไทย ประเดิมสาขาแรก เซ็นทรัลเวิลด์

Date Time: 31 ส.ค. 2566 17:19 น.

Video

3 มาตรการใหม่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ คุมหุ้นร้อนผิดปกติ | Money Issue

Summary

  • NITORI ( – ニトリ) แบรนด์เฟอร์นิเจอร์และสินค้าตกแต่งบ้านครบวงจร อันดับหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ปักหมุดสร้างฐานลูกค้า Home Furnishing ในประเทศไทย หลังเล็งเห็นกลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์ในประเทศไทยเติบโตสูง จับมือพันธมิตรรายแรกอย่าง เซ็นทรัลพัฒนา เปิด Nitori Flagship Store นำร่องสาขาแรกอย่างเป็นทางการ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และพร้อมจ่อเปิดตัวอีก 4 สาขา ประกอบด้วย ศูนย์การค้าซีคอนบางแค เซ็นทรัลเวสต์เกต และเดอะมอลล์ บางกะปิ ภายในปีนี้

Latest


นายทาเคดะ มาซาโนริ (Mr.Takeda Masanori) กรรมการและผู้จัดการทั่วไปแผนก Global Merchandising และผู้จัดการทั่วไปแผนก Global Sales Promotion เปิดเผยว่า นิโตริ กรุ๊ป ตั้งเป้าขยายสาขาทั่วภูมิภาคเพื่อชิงส่วนแบ่งในตลาดเอเชีย ชูแนวคิดหลัก “มอบความเป็นอยู่ที่ดีแก่ผู้คนทั่วโลก” ปัจจุบันนิโตริ มีสาขารวมกว่า 930 สาขา ในญี่ปุ่น 793 แห่ง มาเลเซีย 8 แห่ง ไต้หวัน 57 แห่ง และสิงคโปร์ 1 แห่ง  

ทั้งนี้เตรียมรุกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น โดยหลังจากทำตลาดในประเทศไทย ก็ได้วางแผนเปิดสาขาแรกในเวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ฮ่องกง และเกาหลีใต้เพิ่มเติมอีกด้วย

“สำหรับสาขาแรก ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 5 โซน i ในพื้นที่ 2,600 ตร.ม. ด้วยมูลค่าลงทุน 20 ล้านบาท มองว่า ราชประสงค์เป็นทำเลที่ดี ปริมาณลูกค้าใช้บริการจำนวนมากในแต่ละวัน นอกจากนี้ฐานลูกค้ายังมีกำลังซื้อและมีการจับจ่ายใช้สอยค่อนข้างสูง เข้าถึงผู้บริโภคทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติใจกลางกรุงเทพฯ และสามารถตอบโจทย์ความเป็นนิโตริ” 

นอกจากนี้ยังตั้งเป้าขยายสาขาในไทยอีก 200 สาขา โดยจะขยายการให้บริการในกรุงเทพฯ ก่อนที่กระจายสู่ต่างจังหวัด เพื่อส่งมอบสินค้าทั่วประเทศ คนไทยจะได้พบกับสินค้าที่มีประโยชน์ใช้สอยหลากหลายฉบับนิโตริที่คุ้มค่าเหนือราคาโดยไม่ต้องบินไปไกลถึงญี่ปุ่น โดยสินค้าจะนำเข้าจากโรงงานผลิตซึ่งกระจายอยู่ทั่วภูมิภาคเอเชีย ซึ่งในอนาคตอาจพิจารณาการจัดตั้งโรงงานผลิตสินค้านิโตริในประเทศไทยเช่นเดียวกัน

ด้านศูนย์การเซ็นทรัล นำโดย นายอิศเรศ จิราธิวัฒน์ Head of Fashion and Luxury Management บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ในฐานะ  ‘Lifestyle Destination Landmark’ แลนด์มาร์กด้านไลฟ์สไตล์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ได้สร้างความร่วมมือกับแบรนด์ธุรกิจรวมถึงร้านค้าจากต่างประเทศหน้าใหม่หลายเจ้า ซึ่งล้วนเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยเป็นครั้งแรก

“NITORI จะสร้างทางเลือกให้กับลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้นโดยความร่วมมือในครั้งนี้จะสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่เป็นสายช็อปเฟอร์นิเจอร์ รักการตกแต่งบ้าน ในฐานะพันธมิตรของนิโตริ เซ็นทรัลต้องการช่วยให้แบรนด์นิโตริขยายธุรกิจทั่วประเทศไทยได้สำเร็จ”

ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีส่วนร่วมในการผลิตร่วมกันมายาวนาน โดย นิโตริ ภายใต้บริษัท นิโตริ โฮลดิงส์ จำกัด ได้จดทะเบียนจัดตั้ง บริษัท นิโตริ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 210 ล้านบาท เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2022 เพื่อดำเนินธุรกิจค้าขายเฟอร์นิเจอร์และสินค้าตกแต่งบ้านในประเทศไทย  

ซึ่งก่อนหน้านี้ บริษัทได้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยจัดตั้งบริษัทดูแลจัดส่งสินค้าภายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตั้งแต่ปี 1999 และ บริษัท นิโตริ เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 105 ล้านบาท ดูแลจัดส่งสินค้าภายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจัดตั้ง โรงงานสยามนิโตริ (Siam Nitori) ด้วยทุนจดทะเบียน 912.4 ล้านบาท ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อผลิตพรมที่รีไซเคิลจากขวดพลาสติกและส่งออกไปยังญี่ปุ่น มีพนักงานราว 400 คนในประเทศไทย

หากย้อนดูยอดขายและกำไรของ นิโตริ กรุ๊ป ตั้งแต่ปีก่อตั้ง 1967 นั้นเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2022 ทำรายได้สุทธิอยู่ที่ 801 พันล้านเยน (1.92 แสนล้านบาท) 2023 เฉพาะครึ่งปีแรกอยู่ที่ 948 พันล้านเยน (2.27 แสนล้านบาท) ณ อัตราแลกเปลี่ยนวันที่ 31 สิงหาคม 2023 (1 เยน = 0.24 เยน) ซึ่งถือว่าอยู่ในอัตราที่สูงทีเดียว หากเทียบกับ IKEA คู่แข่งที่กำลังขยายตลาดในประเทศอื่นๆ เรียกได้ว่า การเข้ามาทำตลาดในไทยครั้งนี้ของ นิโตริ เพิ่มการแข่งขันระหว่างผู้เล่นในประเทศและผู้เล่นต่างประเทศในไทยให้คึกคักขึ้น สะท้อนดีมานด์ตลาดเฟอร์นิเจอร์และหมวดข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านที่มีศักยภาพโดยรวมทั้งภูมิภาค 

 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์