หลังเปิดตัวซื้อขายในตลาด Nasdaq หุ้นของ VinFast บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในเครือ Vingroup จากเวียดนาม พุ่งขึ้นแตะ 37.06 ดอลลาร์ พร้อมมูลค่าบริษัท 3 ล้านล้านบาท สูงกว่า Ford และ GM ขณะเดียวกันก็ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายในด้านภาษีและยอดขายที่ชะลอตัว
โดยเปิดการซื้อขายที่ราคา 22 ดอลลาร์ต่อหุ้น (หรือประมาณ 780.42 บาท) และปิดที่ราคา 37.06 ดอลลาร์ (หรือประมาณ 1314.65 บาท) และได้รับการประเมินมูลค่าบริษัทอยู่ที่ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ (หรือประมาณ 3 ล้านล้านบาท) สูงกว่ามูลค่าตลาดของ Ford ที่ 4.8 หมื่นล้านดอลลาร์ (หรือประมาณ 1.69 ล้านล้านบาท) และ General Motors ที่ 4.6 หมื่นล้านดอลลาร์ (หรือประมาณ 1.62 ล้านล้านบาท)
ซึ่งหลังจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ผ่าน SPAC (Special Purpose Acquisition Company) โดยควบรวมกิจการกับบริษัทเช็คเปล่าที่ชื่อว่า Black Spade บริษัทก็ตั้งเป้าสู้กับแบรนด์รถยนต์เจ้าอื่นในตลาดสหรัฐฯ ด้วยการเดินหน้าสร้างโรงงานที่รัฐนอร์ทแคโรไลนาบนพื้นที่ 1,800 เอเคอร์ เพื่อผลิตรถยนต์ให้ได้ 150,000 คันต่อปีในช่วงแรก โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในปี 2025
หลังเผชิญกับความเสียเปรียบทางด้านภาษีจากการที่ Tesla ได้รับเครดิตภาษีมูลค่า 7,500 ดอลลาร์ (หรือประมาณ 265,000 บาท) จากนโยบายของรัฐบาล ขณะที่รถจาก VinFast ยังไม่เข้าเกณฑ์ภาษีเนื่องจากไม่ได้ผลิตในสหรัฐฯ
นอกจากนี้ Le Thi Thu Thuy ซีอีโอของ VinFast ก็ได้กล่าวว่าทางบริษัทกำลังปรับเปลี่ยนโมเดลการขายจากเดิมที่เน้นขายให้กับลูกค้าโดยตรง ไปสู่การทำงานร่วมกับเหล่าตัวแทนจำหน่ายในตลาดต่างประเทศเพิ่มด้วย
ขณะที่ CFO ของ VinFast กล่าวกับสื่อข่าวต่างประเทศว่า บริษัทมีนักลงทุน Strategic Investor และ Institutional Investor หลายเจ้าต่อคิวลงทุน และคาดว่าจะหาทางระดมทุนในอีก 18 เดือนข้างหน้าอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว VinFast ได้ส่งออกรถยนต์กว่าเกือบ 3,000 คันไปยังอเมริกาเหนือ แต่การขายในช่วงแรกยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งทาง S&P Global Mobility ระบุว่าจนถึงเดือนมิถุนายนผ่านมามีรถ EV ของ VinFast เพียงแค่ 137 คันเท่านั้นที่ได้รับการจดทะเบียนในสหรัฐฯ
อ้างอิง